วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

ร้านอาหาร: TOP 5 บริติช ฟู้ด..ซู้ดซี้ดลอนดอนเนอร์

ิัby FOOD&HEALTH2010 on 2010-09-08 - 04:11 pm
ที่มาข้อมูล: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ โดย : มัสแตงค์
(วันที่ 7 กันยายน 2553 10:34)



TOP 5 บริติช ฟู้ด..ซู้ดซี้ดลอนดอนเนอร์

หลายคนติงว่าอาหารอังกฤษไม่ค่อยอร่อยและไม่ถูกปาก เรื่องนี้ขอเถียงหัวชนฝาเมื่อซอกแซกเสาะหาสไตล์มัสแตงค์ สนุกลั่ลล้า ราคาเบา ๆ มีอะไรบ้าง ชมกันได้เลย

1 Chicken Tikka Masala – แกงไก่ทิกก้า มาซาลา

อาหารยอดนิยมของลอนดอนเนอร์คือ อาหารอินเดีย ในลอนดอนมีร้านอาหารอินเดียมากกว่าในเมืองนิวเดลีและมุมไบรวมกัน ทั่วสหราชอาณาจักรมีประมาณ 12,000 แห่ง และมีแฟนคลับกว่า 3 ล้านคน แต่มีข้อมูลหนึ่งที่น่าดีใจคืออาหารยอดนิยมรองอันดับหนึ่งคืออาหารไทยนี่เอง

มาว่ากันต่อถึงเมนูอาหารแขกที่ชาวแดนผู้ดีบอกว่าเป็น British's true na-tional dish หรืออาหารประจำชาติ นั่นคือแกงไก่ทิกกะ มาซาลา (Chicken Tikka Masala) ดูหน้าค่าตาแล้วคล้าย ๆ ไก่ย่างปักษ์ใต้ของไทย แต่ของเราสีออกเหลืองกว่า



แกงไก่จานนี้ขายดีสุดๆ แค่ราดแกงไก่ที่มีมะเขือเทศเป็นส่วนผสมหลักบนข้าวสวยร้อน ๆ แค่นี้ก็โดนใจชาวอังกฤษแล้ว และมีสถิติยืนยันมาว่าขายดิบขายดีกว่า 1.5 ล้านจาน ต่อปี ในศูนย์การค้าต่าง ๆ เช่น มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ขายแกงนี้อาทิตย์ละ 19 ตัน

ที่มาของแกงไก่ทิกก้า มาซาลา คือ ลูกค้าชาวกลาสโกว์ในสกอตแลนด์บ่นว่า ไก่ทิกก้าซึ่งเป็นไก่หมักในเครื่องเทศและโยเกิร์ตก่อนนำไปย่างนั้นแห้งเกินไป น่าจะมีน้ำซอสหรือเกรวี่ราด จึงสั่งเกรวี่มากินกับไก่ เชฟจึงนำน้ำจากซุปมะเขือเทศ โยเกิร์ต ผสมเครื่องเทศมาคลุกเคล้าจนได้เป็นน้ำซอสจานด่วน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นราวปี ค.ศ.1950-1959

ร้านอินเดียชื่อว่า Dosa n Chutny ลอนดอนเนอร์ช่างชิมการันตีสี่ดาว อาหารเป็นแนวตอนใต้ของอินเดียและศรีลังกา เผ็ดร้อน ราคาน่าตะลึงมาก มีเมนูต่ำกว่า 3 ปอนด์ และอาหารมังสวิรัติ เมนูเบอร์ 73 แกงไก่ทิกก้า มาซาลา ราคา 4.25 ปอนด์ และควรลองชามาลาซา อยู่แถว ๆ สถานีรถใต้ดิน Tooting Broadway สายสีดำ (Northern Line โซน 3) เลขที่ 68 Tooting High Street เปิดทุกวัน สองช่วง เที่ยวครึ่งถึงบ่ายสามครึ่ง ยกเว้นวันอาทิตย์ปิดบ่ายสามโมง ส่วนมื้อเย็นเปิด 17.30-23.30 ยกเว้นวันอาทิตย์ปิดสี่ทุ่มครึ่ง สามารถดูข้อมูลร้านที่ www.dosanchutny.co.uk

2 Full English Breakfast

อาหารเช้าแบบเต็มสตรีมที่ประกอบด้วยของทอด ทั้งไส้กรอก แฮม เบคอน ไข่ มะเขือเทศหรือเห็ดทอดกับเนย จนมีคนเรียกว่า The Full English Fry-Up ทั้ง ๆ ที่ทำได้ไม่ลำบากนักแต่อาหารเช้าแบบนี้กลับค่อย ๆ จางหายไปจากครอบครัวชาวอังกฤษโดยเฉพาะลอนดอนเนอร์ โดยสำนักข่าวหัวเห็ดบีบีซีรายงานว่า เพราะสังคมเมืองและชีวิตที่เร่งรีบ ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทอง ทำให้ผู้คนหันมาบริโภคความสบาย เช่น ซีเรียลแท่งซึ่งเขาแดกดันว่าเป็น Deskfast ไม่ใช่ Breakfast นอกจากนี้ยังหันมากินมูสลี่ ครัวซองท์ มัฟฟิ่น ทั้งสามอย่างหลังมาจากต่างประเทศ (สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และมัฟฟิ่นจากอเมริกา) ทั้งนั้น แถมร้านอาหารที่ขายอาหารเช้าแบบนี้ค่อย ๆทยอยปิดตัวลงเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

อย่างไรก็ตาม โรงแรมมักทำอาหารเช้าแบบนี้ให้กับแขกผู้มาพัก นักท่องเที่ยว และลอนดอนเนอร์ผู้นิยมอาหารเช้าแบบนี้ยังคงควานหาร้านอร่อยที่ทำอาหารเช้าแบบดั้งเดิมในลอนดอน หนึ่งในสุดยอดร้านที่ทำอาหารเช้าแบบเต็มสตรีมคือ ร้านริเวอร์ คาเฟ่ (River Cafe) อยู่ติดกับสถานีรถใต้ดิน Putney Bridge สายเขียวหรือ District Line

ขนาดลูกค้าขาจรเข้าไปก็ต้องติดใจกับการบริการที่เลอเลิศ เจ้าของร้านและครอบครัวดูแลร้านเอง ประมาณว่าทำเอง เสิร์ฟเองและบริการแบบเป็นกันเอง ถามหมดไม่ว่าลูกค้าประจำหรือขาจรว่าอาหารเป็นอย่างไร ชอบไม่ชอบ เสียอย่างเดียวไม่มีห้องน้ำบริการ ถ้าจะเข้าห้องน้ำต้องเดินไปเข้าที่ผับหัวมุมถนน วันที่ดิฉันไปดันไปติดใจร้านหนังสือมือสองที่อยู่ละแวกนั้น เลยหายตัวจากร้านไปค่อนข้างนานพอควร เจ้าของใจดีมาก นำจานมาครอบอาหารที่ยังกินไม่หมด พอดิฉันมาถึงร้าน เขามีน้ำใจมาก ถามว่า จะให้อุ่นให้หรือไม่

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ราคาอาหารเช้ามีหลายอย่าง กินเต็มที่ไม่เกิน 5 ปอนด์ จ่ายให้เขาไปกับเถิดเพราะคุณภาพคับจาน เบคอนอาจจะเค็มไปนิดถ้ากินเปล่า ๆ แต่ถ้ากินคู่กับอย่างอื่นก็อร่อยล้ำ โดยเฉพาะแมช (mash) ที่เป็นมันบดละเอียด ถูกใจนักชิมมาก ทุกวันจะมีเมนูพิเศษแบบฉบับอังกฤษ เช่น ไก่อบ อีกอย่างที่น่ารักคือแก้วกาแฟและชาเป็นแก้วดินเผาที่เรียกว่า mug เรียบง่ายแต่ได้ใจนี่ละคือคอนเซ็ปท์ร้านนี้ ชา-กาแฟที่นี่สู้กับเชนระดับโลกได้สบาย ๆ ไม่เชื่อลองไปถามบรรดานักร้องและโปรดิวเซอร์ค่ายเพลง RGM ที่อยู่ใกล้ ๆ สิ... สั่งไปดื่มในที่ประชุมประจำ เปิดเที่ยงถึงบ่าย และอีกทีถึง 2 ทุ่ม

แปลกแต่จริงเจ้าของกลับไม่ใช่คนอังกฤษ แต่เป็นครอบครัวชาวอิตาเลี่ยนที่เป็นแฟนคลับจูเวนตุส โดยมีโปสเตอร์นักบอลติดหราอยู่ตรงเคาน์เตอร์

ไม่ไกลจากร้านนี้มี ทางเดินเลียบแม่น้ำเทมส์ ที่คู่รัก คู่ร้างหรือไม่มีคู่มาเดินเล่นชมวิวสวย ๆ เดินไปเรื่อยๆ จะเจอสวนน่ารัก ๆ ที่ตอนหน้าร้อนมีดอกไม้หลายสีให้ชื่นชม เดินเลียบสวนและแม่น้ำไปเรื่อย ๆ จะถึงพระราชวังฟูลแล่ม (Fulham Palace) เข้าชมฟรี ด้านในพระราชวังแห่งนี้มีโบสถ์เล็ก ๆ ที่ดูขลังอยู่ด้านใน แต่ที่ฮิตสุดคือห้องอาหารที่บริการชา-กาแฟและของว่าง ตกแต่งน่ารักมาก แถมยังมีที่นั่งด้านนอกติดกับสวนด้วย ส่วนคอฟุตบอลสามารถเดินต่อไปยังสนามแข่งบอลของทีมฟูลแล่ม ซึ่งถ้ามีแมตช์แข่งขันจะวุ่นวายมาก แทบจะเหยียบกันเอง

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

3 Fish & Chips - ฟิช แอนด์ ชิพส์

อาหารจานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอังกฤษมานานถึง 150 ปี และมีการจัดงานเฉลิมฉลองด้วยแฮะ หากินได้ทั่วไปสำหรับปลาและมันทอด มักเป็นปลาค็อด เมนูนี้เป็นเมนูประจำบ้านของชาวอังกฤษที่มีอยู่ในแหล่งชุมชนและสถานที่ท่องเที่ยว โดยจะเป็นมันทอด (Chips) เสิร์ฟพร้อมปลาทอดที่ปรุงรสแบบง่าย ๆ ควรลองปลาค็อด (Cod Fish) เพราะเนื้อค่อนข้างนุ่มไม่มีกลิ่นคาว หรือปลาแฮ็ดด็อค (Haddock Fish) ที่เนื้อร่วน มีกลิ่นนิดหน่อย กลิ่นออกเค็ม ๆ แบบทะเล ควรใส่น้ำส้มสายชู (Vinegar) และเกลือ จะได้รสชาติเด็ดกว่าใส่ซอสมะเขือเทศแบบที่คนไทยนิยม

มีสองร้านโดนใจในลอนดอน ร้านแรกอยู่ที่ถนนสายช็อปปิ้ง Oxford Street ทางมาร้าน นั่งรถใต้ดินมาลง Oxford Circus สถานีคนเยอะ วุ่นวายมาก แค่พยายามหาร้านมาร์ก แอนด์ สเปนเซอร์ เยื้อง ๆ กับ Top Shop ก็จะเห็นป้ายถนนที่อยู่ด้านบนกำแพงตึก ริมถนนเขียนว่า Poland Street เดินเลี้ยวเข้าซอยนี้ไม่ถึงสิบก้าวก็จะเห็นร้านอยู่ขวามือ ให้บริการทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 11.30-21.00 น. ส่วนวันศุกร์และเสาร์ ปิดดึกหน่อย 5 ทุ่ม

เหนื่อยจากช็อปปิ้งก็แวะมาร้านนี้ แล้วค่อยไปช็อปปละลายไขมันต่ออีกยกหนึ่ง ชื่อร้านว่า Golden Union ซึ่งหลายปากบอกต่อกันมาว่าราคาไม่แพงจนเกินไปและอร่อยเหาะ เรื่องขำ ๆ มีตรงที่ แต่ก่อนร้านนี้ชื่อว่า The Chippy พอเปลี่ยนชื่อร้าน ทำให้ลูกค้าเก่าไม่เชื่อฝีมือ แต่พอได้เห็นลักษณะการทอดปลาปุ๊บ ก็อ๋อ.. ด้วยความที่ทอดปลาเก่ง ไม่มีน้ำมันเยิ้มและไม่หนาจนเกินไป รสชาติกลมกล่อม โดยเฉพาะปลาค็อด ราคาปลาตามขนาด ตัวเล็ก (ฟิชแอนด์ชิพ) ราคา 6.95 ปอนด์ ถ้า Take away ถูกลงไป 1 ปอนด์

อีกร้านที่ดังไม่แพ้กัน แถมมีประวัติยาวนาน ขอเรียกว่าฟิชแอนด์ชิพร้อยปี เพราะเปิดทำการตั้งแต่ ค.ศ.1871 Rock&Sole Plaice เป็นร้านเล็กๆ ที่ด้านในมีโต๊ะอยู่ไม่เกิน 5 ตัว แต่ด้านนอกเด็ดมากเพราะมีไฟประดับแบบตั้งพื้น น่ารักมาก ทำให้หลายคนยอมจ่ายเงินเพิ่มอีก 3 ปอนด์ เพื่อนั่งกินที่นี่ ถ้าซื้อแบบ take awayราคา 7 ปอนด์ กินที่ร้าน 10 ปอนด์

ร้านนี้ประกาศตัวว่าเป็นกลุ่มต่อต้านสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งมีกลุ่มผู้ต่อต้านมาประชุมสุมหัวกันที่ร้านในสมัยนั้นด้วย และมีการเสิร์ฟฟิชแอนด์ชิพให้กับผู้เข้าร่วมประชุม ร้านนี้ก็อยู่ทำเลดี แหล่งช็อปปิ้งเก่าแก่ที่ชื่อว่า Covent Garden ย่านนี้ไม่ค่อยจอแจเหมือน Oxford Street ร้านรวงอยูในซอยเล็กๆ มีตั้งแต่ไฮแบรนด์และมีตลาดนัดหลากหลาย ถ้ามาวันเสาร์อาทิตย์จะได้ชมการแสดงสด ๆ ทั้งดนตรี มายากล เป็นการแสดงแบบเปิดหมวก สำหรับร้านนี้อยู่แถว ๆ สถานีรถใต้ดิน Covent Garden ออกจากสถานีแล้วให้เดินมุ่งหน้าถนน Endell เลขที่ 47 เปิดทุกวัน 11.30-23.00 น. เว้นวันอาทิตย์เปิดตอนเที่ยงถึง 4 ทุ่ม

4 Steak & Kidney Pie

อาหารเย็นของชาวอังกฤษ นิยมกินเนื้อสัตว์ ผักต้มสุกและมันฝรั่งเป็นหลัก โดยอาหารเหล่านี้มีส่วนผสมและวิธีการปรุงที่ต่างกันออกไป เช่นอาจจากเนื้อแกะ เนื้อวัว หรือบดมันฝรั่งแทนการอบอย่างปกติแต่โดยพื้นฐานแล้วจะหาส่วนประกอบทั้งสามอย่างนี้ได้จากทุกจาน

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

เมนูนี้เป็นอาหารสัญชาติอังกฤษโดยแท้ ประกอบด้วยเนื้อบดและพักหั่นฝอย ปรุงรสรสชาติออกเค็ม โปะด้วยมันฝรั่งบดด้านบนและนำไปอบจนมันฝรั่งสุกด้านบนสุกและเกรียมออกสีน้ำตาลทองคล้ายแป้งพาย และที่นิยมอีกจานหนึ่งคือพายสเต๊กและไต ( Steak and Kidney Pie ) ซึ่งเป็นพายชิ้นใหญ่ที่ตรงกลางแทรกด้วยเนื้อวัวและไตที่เคี่ยวกับน้ำเกรวี่จนเปื่อย เสิร์ฟพร้อมกับผักต้มอย่างแครอทและถั่วลันเตา หาหม่ำได้ตามร้านอาหารและผับทั่วไปเช่นเดียวกัน

ถ้าไม่ชอบกินเครื่องในแบบนี้ ขอให้ลอง Beef & Guiness Pie เป็นเนื้อวัวอบ นุ่มมาก ขอแนะนำผับเก่าแก่ที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถใต้ดิน Tottenham Court Road ชื่อว่า Newman Arms ด้านล่างเป็นผับ ชั้นบนเป็นร้านอาหารขายสเต๊กและพายแบบดั้งเดิม เปิดไม่เกินสี่ทุ่ม และมีโต๊ะอยู่ไม่เกิน 5-6 ตัว พายนุ่มกรุบกรอบส่วนเนื้อสเต๊กก็อร่อยสุดยอด สาว ๆ อาจกินไม่หมด ถ้าไม่หิวมากเสนอให้แชร์หารสองเพราะจานค่อนข้างใหญ่ น้ำเกรวี่สุดยอด ไม่ต้องปรุงอะไรอีก รสชาติพอดี หอมเครื่องเทศ ราคา 9.95 ปอนด์

ไม่ไกลจากแถวนี้ มีร้านหนังสือชื่อ Waterstone's ที่มีหลายเสียงบอกว่าเป็นร้านที่มีหนังสือแนววิชาการมากสุด ๆ มีทั้งหมดห้าชั้น เปิดถึงสี่ทุ่ม หนอนหนังสือเห็นแล้วต้องตื่นเต้น และคนที่สะสมหนังสือหายากก็สามารถมาหาได้ที่นี่ รวมทั้งหนังสือมือสองหลากหลาย อยู่ติดกับมหาวิทยาลัยดังของลอนดอน UCL และอยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Goodge Street ด้วย

5 แซนด์วิช (Sanwich)

เชื่อ-ไม่เชื่อว่า ชาวอังกฤษคิดค้นแซนด์วิชขึ้นมาในปี ค.ศ.1762 และมีเมืองชื่อว่า Sandwich อยู่ทางตอนใต้ ต้องขอบคุณ John Montagu ซึ่งเป็นผู้ค้นพบและเจ้าของสูตรแซนด์วิชที่คิดขึ้นมาเพียงเพราะต้องการกินอะไรง่าย ๆ ด้วยมือเดียวในขณะที่เขาเล่นพนันแบบไม่หลับไม่นอน เรียกว่าผีพนันเข้าสิงจนได้ดีสินะ ร้านแซนด์วิชมีเต็มบ้านเต็มเมืองในลอนดอน แต่ต้องเลือกให้ดีเพราะบางร้านแซนด์วิชเก่าค้างคืน

ที่แนะนำคือร้านฟาสต์ฟู้ดโด่งดังชื่อว่า Pret-a-manger เชื่อหรือไม่ว่าร้านนี้เคยทำเงินเป็นล้านปอนด์ภายในหนึ่งวัน แต่ต้องเข้าใจว่ามีหลายสิบหลายร้อยสาขาทั่วเมือง สามารถนั่งกินในร้านได้ แต่ถ้า take-away ราคาถูกลง แซนด์วิชที่นี่ทำสด ๆ วันต่อวัน ที่อร่อยและเป็นขวัญใจนักเรียนไทย คือ Hoisin Duck Warp หรือเรียกว่าแรพเป็ดหน้าตาคล้าย ๆ แซนด์วิช ราคาTake Away ถูกกว่าอีกเช่นเคย 2.99 ปอนด์ ส่วนกินในร้าน 3.55 ปอนด์

อร่อยได้ในราคาไม่แพงแถมยังเที่ยวได้ถึงแก่นที่ลอนดอนแบบนี้ ยังมีเรื่องของ “ลอนดอน” ให้ติดตามอีกหลายตอน...

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

Kebab – เคบับ : รู้ ๆ กันอยู่ว่าเคบับถือสัญชาติตุรกี แต่เป็นที่นิยมของลอนดอนเนอร์และคนอังกฤษมาก ดูเผิน ๆ ก็เหมือนบาร์บีคิวดีๆ นี่เอง แตกต่างตรงที่กินกับแป้งขนมปังที่เรียกว่า Pitta Bread ราดด้วยซอสพริก ส่วนใหญ่ทำจากเนื้อแกะและไก่ ถ้าเป็นเนื้อแกะจะมีหลายชนิด เช่น Doner Kebab, Shish Kebab, และ Kofte Kebab ที่กินง่ายขายคล่องคือแบบแรกซึ่งย่างแกะโดยใส่ในแท่งกลม ๆ ใหญ่ ๆ หมุนได้ในแนวตั้ง พอเนื้อสุกได้ทีก็ใช้มีดคม ๆ สไลซ์บาง ๆ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทำให้เนื้อแกะอร่อยจัด เคบับที่ถูกยกให้เป็นเดอะ เบสต์ ของลอนดอนคือร้าน Marmaris ชื่อร้านมาจากเมืองหนึ่งในประเทศตุรกี ร้านนี้ดีและถูก พนักงานชาวตุรกีน่ารักอารมณ์ดี ร้านนี้มีให้ลองทั้งเนื้อแกะและเนื้อไก่ที่สดใหม่ หอมยั่วน้ำลาย แนะให้ลอง Mixed Kebab ราคา 9.45 ปอนด์ (ดูในรูป) จานใหญ่แชร์ได้ 3-4 คน อีกจานที่ไม่ควรพลาดคือของว่างชื่อว่า Dolma หน้าตาคล้าย ๆ ข้าวต้มมัด แต่มีขนาดเล็กกว่าขอเรียกว่ามินิข้าวต้มมัดแล้วกัน ด้านในมีข้าว จานนี้ราคา 3.45 ปอนด์

ภายในร้านมีวอลเปเปอร์เป็นรูปสวย ๆ ถึงร้านจะไม่ใหญ่โตแต่น่ารัก น่านั่ง โดยเฉพาะได้กลิ่นหอม ๆ ของเคบับโชยมาจากเคาน์เตอร์ใกล้ทางเข้า ปิ้งเนื้อกันตรงนั่นแหละ อยู่แถวสถานีรถไฟใต้ดินและรถไฟ Balham เปิดทุกวัน 6 โมงเย็น-ตีสอง เฉพาะวันอาทิตย์เปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงก่อนเที่ยง อยู่เลขที่ 3 Bedford Hill รหัสไปรษณีย์ SW12 รหัสไปรษณีย์มีประโยชน์มากสำหรับคนอังกฤษ ถ้าไปไม่ถูกให้สอบถามด้วยการบอกรหัสไปรษณีย์ โดยอักษรย่อเป็นการบอกทิศทาง เช่น S ย่อมากจาก South ส่วน W ย่อมาจาก Wes

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น