วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ร้านอาหาร: ส้มตำ ′บ้านระกา′

จาก อัลบั้มประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ส้มตำ ′บ้านระกา′

ส้มตำเป็นอาหารจานโปรดของใครหลายๆคน ทั้งสีสันที่หลากหลายและรสชาติที่จัดจ้าน จึงเป็นอาหารที่เต็มไปด้วยความสนุก ส้มตำถ้าจะกินให้อร่อยและสนุก เรานิยมกินกับเพื่อนหรือญาติมิตที่สนิท เพราะมันเต็มที่ในการเปิบดี

จาก อัลบั้มประชาชาติธุรกิจออนไลน์

′ร้านบ้านระกา′ เป็นร้านส้มตำบรรยายกาศดี ร่มรื่น และเป็นกันเอง บริการดี อาหารอร่อย
ผู้เขียนได้มีโอกาสไปกินกับเพื่อนๆ พวกเราก็เลือกกันคนละ เมนู สองเมนู

จาก อัลบั้มประชาชาติธุรกิจออนไลน์

แต่ก็เลือกอยู่นานเพราะอาหารระรานตาน่ากินหลายอย่างแล้วก็เลือกมาได้ 4-5 เมนู
มีส้มตำไข่เค็ม ลาบทอด ยำตะไคร้ ต้มแสบกระดูกหมู ไก่เบรคแตก น้ำตกหมู

จาก อัลบั้มประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เมนูที่ที่ทุกคนชอบนั้นเป็นลาบทอด มาในรูปแบบกรอบๆกรุบๆ
ส่วนไก่เบรคแตก ได้กินแล้วหยุดไม่ได้จริงๆ

จาก อัลบั้มประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ส้มตำรสชาติไม่เผ็ดมาก อาจเป็นเพราะปรับให้เขากับคนกรุง ที่ไม่ค่อยกินเผ็ด แต่รสชาติยังครบทุกรสทำให้ไม่เสียรสชาติ

จาก อัลบั้มประชาชาติธุรกิจออนไลน์

มาถึงกระเพาะของหวาน ที่นี้นอกจากพวกผลไม้ลอยแก้ว ก็ยังมีไอศรีมโบราณที่น่ากินไม่แพ้กัน
แต่ทำเอาผู้เขียนต้องคิดหนัก เพื่อจะตัดสินใจเลือกเมนูใดเมนูหนึ่ง และแล้วก็ได้เป็นผลไม้ลอยแก้ว

จาก อัลบั้มประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ที่พวกเราสั่งมา 2 อย่าง เป็นลูกตาลลอยแก้ว และมะปรางลอยแก้ว

จาก อัลบั้มประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เลยต้องตัดใจกับไอศรีมโบราณ แม้คนเราน่าจะมีสัก 4 กระเพาะ กินเผื่อพรุ่งนี้เอาไว้น่าจะดี
อย่างนี้คงต้องกลับไป ′บ้านระกา′ อีกสักครั้ง

จาก อัลบั้มประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (update: วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 15:21:39 น.)

จาก อัลบั้มประชาชาติธุรกิจออนไลน์

จาก อัลบั้มประชาชาติธุรกิจออนไลน์

จาก อัลบั้มประชาชาติธุรกิจออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ดอกชมจันทร์เจี๋ยนกุ้งสด



ดอกชมจันทร์เจี๋ยนกุ้งสด

อาทิตย์ก่อนญาติ ๆ ที่บ้านไปเขาใหญ่มาเลยมีของมาฝากเป็นวัตถุดิบชนิดใหม่มาให้เราด้วย เป็นดอกไม้ตูม ๆ สีเขียวสวย คนที่นั้นเรียกกันว่า ดอกชมจันทร์ หรือดอกไม้จีนสด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเจ้าดอกชมจันทร์นี้ไม่ใช่พืชพันธุ์เดียวกับดอกไม้จีน เราใส่ในแกงจืดวุ้นเส้นนะคะ แต่เป็นตระกูลเดียวกับผักบุ้งฝรั่งต่างหากค่ะ ป้า ๆ บอกว่าดอกชมจันทร์อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและฟอสฟอรัส แถมมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน ๆ กินแล้วจะผอมด้วยคร้า !

ดอกชมจันทร์นี้ส่วนมากเขาจะนำไปผัดน้ำมันหอยกัน แต่วันนี้เค็กไม่ค่อยอยากทำสักเท่าไร...คิดอยู่ตั้งนานว่าจะเอาดอกชมจันทร์ นี้มาทำอะไรจนมาตกลงที่ ดอกชมจันทร์เจี๋ยนกุ้งสด ซึ่งใช้วิธีทอดอาหารก่อนแล้วจึงใส่น้ำซุปและเครื่องปรุงลงไปทำให้ได้อาหาร ที่หอมอร่อยค่ะ

นำกุ้งกุลาหรือกุ้งขาวตัวใหญ่หน่อย 400 กรัมปอกเปลือกเด็ดหัวไว้ผสมแป้งมันสำปะหลัง 1 ช้อนชา และเกลือทะเลหยิบมือหนึ่ง ส่วนดอกชมจันทร์ก็ล้างให้สะอาดใส่กระชอนสะเด็ดน้ำไว้ ทำน้ำปรุงรสเตรียมไว้ให้พร้อมตั้งแต่ตอนนี้เลย นำน้ำซุป 150 มิลลิลิตร ผสมแป้งมัน สำปะหลัง 1 ช้อนชา ซอสหอยนางรม 2 ช้อนชา ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา น้ำตาล 1/2 ช้อนชา น้ำมันงา 1 ช้อนชา

ใส่น้ำมันลงในกระทะ 2 ช้อนโต๊ะ นำกุ้งลงทอดจนสุกแล้วตักออกพักไว้ เทน้ำมันให้เหลือแค่ 1 ช้อนชา ใส่กระเทียมสับ 1 ช้อนชาลงผัดพอหอมจึงใส่ดอกชมจันทร์ผัดพอสะดุ้งไฟจึง ค่อย ๆ ใส่น้ำปรุงรส ตั้งจนเดือดข้นเหนียวจึงใส่กุ้งลงไป เคี่ยวต่ออีกสักครู่ ให้เข้าเนื้อแล้วตักใส่จาน จัดขึ้นโต๊ะ เสิร์ฟญาติ ๆ ทั้งหลายที่มานั่งรอชิม ของฝากค่ะ

ตู้กับข้าว

กระเทียม น้ำมันพืช น้ำมันงา แป้งมันสำปะหลัง เกลือทะเล ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว น้ำตาล

อาหารประจำบ้าน

กุ้งสด น้ำซุป

สีสัน

ดอกชมจันทร์


ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (update: วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 09:43:35 น.)

ไม่อยากเป็นโรคกระดูกพรุน น้ำมะเขือเทศช่วยได้




ไม่อยากเป็นโรคกระดูกพรุน น้ำมะเขือเทศช่วยได้

ดื่มน้ำมะเขือเทศวันละ 2 แก้ว ช่วยลดโอกาสเสี่ยงจากการเป็นโรคกระดุกพรุนได้ นักวิทยาศาสตร์กล่าว

ส่วนประกอบที่เป็นกุญแจสำคัญคือ ′ไลโคปีน′ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมากและป้องกันโรคหัวใจ

มีชาวอังกฤษประมาณ 3 ล้านคนที่เป็นโรคกระดูกพรุน

ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตรอนโตในแคนนาดา ถามผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนจำนวน 60 คน

ในช่วงอายุ 50-60 ปี ที่ตัดอาหารที่มีส่วนประกอบจากมะเขือเทศออกเป็นเวลาหนึ่งเดือน

ทำให้นำไปสู่การเพิ่มระดับ เอ็น-เทลโลเปปไทด์ ซึ่งเป็นสารเคมีที่อยู่ในกระแสเลือด เมื่อกระดูกเริ่มมีการสะลายตัว

ต่อจากนั้นอีก 4 เดือน จะได้รับน้ำมะเขือเทศที่มีไลโคปีน 15 มิลลิกรัม

กลุ่มหนึ่งให้ไลโคปีนในรูปแบบแคปซูลขนาด 35 มิลลิกรัม

และอีกกลุ่มให้กินแคปซูลเปล่าหรือยาหลอก

ชี้ให้เห็นว่าระดับเอ็น-เทโลเปปไทร์ลดลงในผู้หญิงที่ดื่มน้ำมะเขือเทศหรือกินไลโคปีนแบบแคปซูล

แต่จะไม่เกิดผลสำหรับผู้ที่กินยาหลอก

ทั้งนี้น้ำผลไม้ในซุปเปอร์มาเก็ตนั้นมีปริมาณไลโคปปีนในเกณฑ์มาตรฐาน นักวิจัยกล่าว

การดื่มน้ำมะเขือเทศที่มีปริมาณไลโคปีน 15 มิลลิกรัมวันละ 2 แก้ว

สามารถช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง รายงานจากวารสารโรคกระดูกพรุนระหว่างประเทศ



ที่มาข้อมูล: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (update: วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 07:10:56 น.)
ข้อมูลจาก :เดลี่เมลล์ออนไลน์

วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

บัวลอยเผือกมะพร้าวอ่อน

จาก อัลบั้มประชาชาติธุรกิจออนไลน์


บัวลอยเผือกมะพร้าวอ่อน
คอลัมน์ Dining In โดย savoury cake



บัวลอยนั้นเป็นขนมที่เราชอบทำทานเล่นตอนเด็ก ๆ ค่ะ เพราะเราชอบปั้นเม็ดบัวลอยซึ่งสนุกเหมือนปั้นดินน้ำมัน แถมยังได้ของอร่อยทานอีกด้วยค่ะ เราชอบเล่นแข่งกันช้อนบัวลอยขึ้นมาจากหม้อ โดยนั่งเฝ้าตั้งแต่ใส่ลูกบัวลอยลงไปตอนแรกซึ่งแป้งจะจมก่อน พอลอยปุ๊บก็ต้องแข่งกันตักขึ้นใส่น้ำเย็นทันที ใครได้มากกว่ากันชนะค่ะ !

คนเราก็แปลกนะคะ ที่ความชอบทานอาหารเปลี่ยนกันได้ตามอายุ อย่างตอนเด็ก ๆ เค็กชอบทานบัวลอยใบเตยสีเขียวสวย

แต่พอโตขึ้นกลับเปลี่ยนใจไปชอบบัวลอยเผือกสีตุ่น ๆ มากกว่า เพราะบัวลอยเผือกนั้นเนื้อออกมัน ๆ เหนียว ๆ อร่อยกว่านิคะ

บัวลอยเผือกที่เราทำนี้เค็กใส่น้ำดอกอัญชันลงไปด้วย เพื่อให้เป็นสีน้ำเงินสวยน่าทานค่ะ น้ำดอกอัญชันนั้นทำไม่ยาก แค่ใส่ดอกอัญชันสดหรือแห้ง 4-5 ดอก ลงในถ้วยกาแฟ ใส่น้ำร้อนลงไปครึ่งถ้วย แช่ไว้จนเย็นจึงกรองน้ำสีน้ำเงินสดมาใช้

ปั้นบัวลอยก่อน โดยนวดแป้งข้าวเหนียว 150 กรัม เผือกนึ่งสุกบดละเอียด 100 กรัม ให้เข้ากันดีจึง

ค่อย ๆ เหยาะน้ำดอกอัญชัน 50 มิลลิลิตรลงไป นวดจนแป้งนุ่มเหนียว (ถ้าแป้งแห้งไปไม่นุ่มเหนียวสามารถเติมน้ำสะอาดลงไปได้นะคะ)

ตั้งน้ำสะอาดใส่หม้อไว้พอเดือด ใส่บัวลอยลงต้ม เมื่อสุกดีจะลอยขึ้นมาก็ให้ตักออกแช่น้ำเย็นไว้น่ะค่ะ

ส่วนมะพร้าวอ่อนนั้น

เราใช้ 2 ลูกค่ะ ให้กะเทาะเปลือกออกแล้วใช้ช้อนขูดเนื้อจากมะพร้าวอ่อนให้เป็นแผ่น ๆ (น้ำมะพร้าวเราไม่ใช้นะคะ ก็ถือว่ายกให้แม่ครัวดื่มไปล่ะกันค่ะ)

การทำน้ำกะทินั้น ให้ต้มน้ำตาลทรายขาว 150 กรัม เกลือทะเล 1/2 ช้อนชา ใบเตยสด 1 ใบ กับหางกะทิ 300 กรัม จนเดือดน้ำตาลละลายดีค่อยใส่หัวกะทิต้มให้ร้อน จึงใส่ลูกบัวลอยพร้อมทั้งเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป พอน้ำกะทิเดือดอีกครั้งตักใส่ชามรับประทานอุ่น ๆ ค่ะ แล้วถ้าที่บ้านคุณนั้นชื่นชอบเผือกเหมือนบ้านเค็ก ก็ให้ใส่เผือกนึ่งหั่นเป็นลูกเต๋าไปด้วยได้นะคะ

ตู้กับข้าว

น้ำตาลทรายขาว เกลือทะเล

อาหารประจำบ้าน

แป้งข้าวเหนียว เผือกนึ่ง

สีสัน

มะพร้าวอ่อน น้ำกะทิสด

ดอกอัญชัน ใบเตยสด


ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (update: วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 13:13:03 น.)

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ร้านอาหาร: "ข้าวมันไก่ซั่งไห่"

จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์
หมูพันชั้น


จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์


จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์
หมูแดง


จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์
เสี่ยวหลงเปา


จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์
ขนมจีบกุ้งจักรพรรดิ์


จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์

ที่มา: matichon Online (update วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 00:55:48 น.)
ชื่อบทความ: กินได้ไม่เลือกเวลา "ข้าวมันไก่ซั่งไห่" 24 ชม.แนะอีกเมนูเด็ด"หมูพันชั้น"
โดย ตุลยย์


จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์
ข้าวมันไก่ ตามวิกิพีเดียระบุไว้ว่า "เป็นอาหารคาวของไทยและจีน คาดว่าอาหารชนิดนี้ได้รับการเผยแพร่มาจากชาวจีนหลี (หรือไหหลำ หรือไห่หนาน) มีให้รับประทานกันทั่วทุกภาคในประเทศไทย และนิยมกันมากในหมู่ชาวไทยเชื้อสายจีน นอกจากนี้ยังนิยมรับประทานกันมากในมาเลเซียและสิงคโปร์อีกด้วย" ไม่น่าแปลกที่ไทยเองก็มีอาหารจานเดียวและด่วนชนิดนี้วางขายอยู่ทั่วทุกหัวระแหง แต่หากอยากได้ทางเลือกที่มากกว่า "ตุลยย์" ขอแนะนำ.. ข้าวมันไก่ซั่งไห่


จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์


จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์

หากเคยเข้าร้าน "ซั่งไห่ เสี่ยวหลงเปา" แล้วสั่งข้าวมันไก่.. ตอนนี้จากจานเด็ดตั้งขึ้นเป็นร้าน "ข้าวมันไก่ซั่งไห่" ที่เปิดมาแล้วถึง 4 สาขา แต่สาขาที่เราจะแนะนำวันนี้คือที่พระราม 4 อยู่ติดช่อง 3 อาคารมาลีนนท์ โดดเด่นตรงที่เปิด 24 ชั่วโมง ร้านนี้ชูจุดขายที่"ข้าวมันสาหร่ายสีดำ"มากด้วยคุณประโยชน์สูตรเฉพาะใช้สาหร่ายไถ่ไช่ วัตถุดิบนำเข้าประเทศจีน มีเบต้าแคโรทีนมากกว่าผักถึง 25 เท่า หุงด้วยอุณหภูมิพอเหมาะร่วมกับสมุนไพรและเครื่องเทศ ทานคู่กับไก่ตอนที่คัดขนาดพอเหมาะ เนื้อแน่น จากฟาร์มที่ได้มาตรฐาน

จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์

เทคนิคอยู่ที่การควบคุมความร้อนอย่างสม่ำเสมอ เนื้อไก่จึงหอมนุ่ม ที่มาพร้อมน้ำจิ้ม 3 สูตร
1.น้ำจิ้มเต้าเจี้ยว
สูตรต้นตำรับจากเต้าเจี้ยวหมักชั้นดีของเมืองจีน
2.น้ำจิ้มซั่งไห่
หอมสมุนไพรพิเศษจากเมืองจีนหลายชนิด หมักในถังไม้นานหลายสัปดาห์ และ
3.น้ำจิ้มต้นหอม ใช้น้ำมันสกัดจากต้นหอม, ขิงซอย และสมุนไพรต่างๆ ปรุงเข้าด้วยกัน รสชาติแบบจีนทางตอนใต้ เรียกได้ว่าเป็นน้ำจิ้ม 3 ภูมิภาคเลยทีเดียว


จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์
หลังจากดื่มชาจีนเย็นๆ ให้ชื่นใจ ก็แนะให้ลิ้มลองออร์เดิร์ฟอย่าง "ขนมจีบกุ้งจักรพรรดิ์" ความกรอบของกุ้งกรุบๆ ในปากใส่ชิ้นใหญ่ไม่เจือแป้งเยอะๆ แบบบางร้าน ต่อด้วย"เสี่ยวหลงเปา"ของขึ้นชื่อที่ต้องทานให้ถูกวิธีป้องกันปากพอง โดยการกัดเบาๆ เพื่อให้น้ำซุปร้อนๆ ไหลลงช้อน เป่าพออุ่นๆ ก่อนตักเข้าปาก เนื้อหมูนุ่มเนียนเคล้าน้ำซุปกลมกล่อม จิ้มซอสเปรี้ยวใส่ขิงซอย เคล็ดลับอยู่ที่การหมักหมูแล้วนึ่งจนน้ำซุปไหลออกมา..



มาถึงจานเด็ด สีดำของข้าวมันที่ไม่คุ้นเคยแต่รสชาตินั้นหอมสาหร่ายแล้วคงรสของ"ข้าวมันสาหร่าย" สามารถทานคู่ได้ทั้งไก่ตอนต้มและไก่ทอดที่มาพร้อมน้ำจิ้มออกรสเปรี้ยวหวาน สำหรับพระเอกของวันนี้อย่างไก่ตอนชิ้นโตเต็มคำ นั้นเลือกได้ว่าจะเอาผสมทุกส่วน หรือสั่งแยกเป็น อก น่อง หรือสะโพก จิ้มเต้าเจี้ยวจะได้รสกลมกล่อม น้ำจิ้มต้นหอมให้รสเค็มมันของต้นหอม สำหรับคนชอบ"จัดจ้าน"ต้องน้ำจิ้มซั่งไห่

อีกจานไฮไลต์"หมูพันชั้น" หมู 3 ชั้นหั่นสไลด์ชิ้นบางเฉียบซ้อนกันตุ๋นจนนิ่ม รองด้วยหน่อไม้จีนตุ๋นจนนุ่ม ก่อนราดน้ำซอสจีน รสชาติหวานแทบละลายในปากทานกับข้าวร้อนซดน้ำซุปให้ชุ่มคอ ไม่ลืมของเด็ดอย่าง"หมูแดง"ของที่นี่ก็อร่อย ชอบตรงผักดองที่ต้องทานเคียงกันรสคล้ายกิมจิแต่ไม่เปรี้ยวโดด


จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์


จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์
นอกจากนี้ ยังมี"หมูสามชั้นจักรพรรดิ์" หมูนุ่มหั่นเป็นชิ้นพอคำตุ๋นจนเปื่อย รองด้วยผักไต้หวันหวานกรอบราดด้วยซอสตำรับซั่งไห่ จานนี้นิยมทานกับหมั่นโถว หากชอบเป็นเส้นหมี่ผัดก็มีให้เลือก ปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง สาคูแคนตาลูป สละลอยแก้ว หรือบัวลอยงาดำ ก็ตามใจชอบ


จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์


จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์
ข้าวมันไก่ซั่งไห่ สาขาพระราม 4 ส่งฟรีสำหรับบริเวณใกล้เคียง โทร.สอบถามได้ที่ 02-661-5117 เปิดทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนอีก 3 สาขา ประกอบด้วย ตลาดบองมาเช่ (โซนฟู้ดคอร์ท) อารีย์การ์เด้น และชั้นจี เซ็นทรัล บางนา


จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์
สำหรับซั่งไห่เสี่ยวหลงเปามี 6 สาขา ชั้น 3 เซ็นทรัลลาดพร้าว (ฝั่งฟู้ดวิลเลจ) ชั้น 3 มาบุญครอง (ฝั่งโตคิว) ชั้น 5 เซ็นทรัลพระราม 3 ชั้น 2 เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น 2 เมเจอร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน และชั้น 2 เดอะมอลล์บางกะปิ เพิ่มเติมที่ http://www.xiaolongpao.com


จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์


จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์


จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์


จาก อัลบั้ม มติชนออนไลน์

วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

หมูย่างใบชะพลู

จาก อัลบั้มประชาชาติธุรกิจออนไลน์

สมาชิกบ้านเค็กนั้นชื่นชอบต้นไม้กันมาก...ปลูกต้นไม้กันเยอะเต็มบ้าน จนบางครั้งดูเหมือนป่าน้อย ๆ ไปเลย

ไปไหนเจอต้นอะไรชอบ ก็เอากลับมาปลูกที่บ้านอยู่เรื่อย แต่แน่นอนว่าต้นไม้ที่ปลูกเยอะที่สุดต้องเป็นต้น "ตะลิงปลิง" ค่ะ

เราปลูกเป็นทิวแถวไว้ตลอดทางเข้าบ้านเลยล่ะค่ะ ก็แหม ถ้าไม่ได้ปลูกเยอะแบบนี้ ก็จะมีลูกตะลิงปลิงไม่พอใช้ในร้านอาหารของเราหรอกค่ะ พอเราปลูกต้นตะลิงปลิงไว้หลายปี ลำต้นสูง ก็จะมีพื้นที่ว่างหน้าดินเยอะ เราก็เลยจะปลูกชะพลูให้เป็นพุ่มสวยคลุมดินไว้ แถมยังกินได้อร่อยอีกด้วยค่ะ ที่บ้านเค็กถึงไม่เคยขาดใบชะพลูสำหรับทำอาหารเลยค่ะ

ใบชะพลูนั้นเรานิยมนำไปห่อเมี่ยงทาน เพราะให้กลิ่นหอมดับกลิ่นคาว หรือใส่แกงคั่วต่าง ๆ ด้วยความที่เรามีใบชะพลูเยอะ ทำให้เค็กหาวิธีกินใบชะพลูใหม่ ๆ เรื่อย ๆ อย่างหมูย่างใบชะพลูนี้ก็คล้าย ๆ เนื้อย่างเวียดนามค่ะ แต่ประยุกต์ให้ออกรสไทย ๆ หน่อย กินกับข้าวเหนียวได้อร่อยด้วยค่ะ

เนื้อหมูสันในหั่นบาง 400 กรัม หมักใส่ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ แป้งมันสำปะหลัง 1 ช้อนชา กระเทียมตำ 2 ช้อนชา พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา นวดให้เข้ากัน หมักไว้คืนหนึ่ง พอรุ่งเช้าก็นำหมูมาห่อด้วยใบชะพลูเป็นห่อสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เสียบไม้ละ 3-4 ห่อ

นำหมูที่เสียบไม้แล้วไปปิ้งด้วยไฟอ่อนจนสุก ทานกับน้ำจิ้มไก่โรยด้วยถั่วลิสงตำ แกล้มด้วยข้าวเหนียวนุ่มร้อน ๆ ค่ะ

ตู้กับข้าว

ซอสปรุงรส น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมัน แป้งมันสำปะหลัง

อาหารประจำบ้าน

หมูสันใน กระเทียม พริกไทยป่น มะนาว พริกแดง

สีสัน

ใบชะพลู


ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ คอลัมน์ Dining in โดย savoury cake
(update: วันที่ 08 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 17:36:05 น.)

วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Daily News Online ช่องทางทำกิน ก๋วยเตี๋ยวญวนเจ ทำเงินได้ไม่เฉพาะเทศกาล

Daily News Online โลกสีสวย ช่องทางทำกิน ช่องทางทำกิน ก๋วยเตี๋ยวญวนเจ ทำเงินได้ไม่เฉพาะเทศกาล


กินเจ ถือเป็นประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งของคนจีน จะเริ่มเทศกาลในวัน 1-9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน หรือช่วงกลางเดือนตุลาคม ซึ่งในปีนี้จะเริ่มกันในระหว่างวันที่ 8-16 ตุลาคม 2553 บรรดาพ่อค้าแม่ค้าก็จะตระเตรียมข้าวของต่าง ๆ นานา เพื่อค้าขายอาหารเจกันยกใหญ่ ขณะที่อาหารเจนั้นยุคนี้จะว่าไปแล้วก็ขายได้ทุกโอกาส เพื่อเอาใจคนรักสุขภาพ ลดน้ำหนัก และในโอกาสนี้ทีมคอลัมน์ ช่องทางทำกิน ก็มีข้อมูลการขายอาหารเจชนิดหนึ่งมานำเสนอ นั่นคือ "เฝอ"หรือ ก๋วยเตี๋ยวญวน-ก๋วยเตี๋ยวเวียดนาม แบบ "เจ"

จาก อัลบั้ม นสพ.เดลินิวส์


ก๋วยเตี๋ยวญวนเจ ทำเงินได้ไม่เฉพาะเทศกาล

ชุดา ทองเภา เจ้าของร้าน เอ.เจ. เวเจทาเรี่ยน ในซอยอารีย์ เล่าว่า ขายอาหารมังสวิรัติ และอาหารเจมานานกว่า 12 ปี ซึ่งเดิมเป็นแม่บ้านที่ทานอาหารเจมาก่อน และจะชอบทำอาหารทานเอง ซึ่งการทำอาหารเจ ส่วนประกอบหลัก ๆ คือ ผัก ซึ่งต้องใช้จำนวนมากในแต่ละครั้ง โดยเฉพาะอาหารเวียดนาม การทำกินเองนั้นอาจไม่คุ้มอย่างมาก ดังนั้น ด้วยความที่อยากทำธุรกิจ และอยากให้คนอื่นได้กินอาหารมังสวิรัติ และอาหารเจ ในราคาที่ไม่แพง และได้ของที่หลากหลาย จึงคิดทำขาย โดยสูตรนั้นได้มาจากการคิดเองทำเอง เนื่องจากมีพื้นฐานในการทำเฝอ หรือก๋วยเตี๋ยวเวียดนาม-ก๋วยเตี๋ยวญวนอยู่แล้ว เมื่อมาทำเป็นเจก็รู้ว่าจะดัดแปลงอย่างไร

ส่วนที่เลือกขายอาหารเวียดนามเป็นหลัก เพื่อเป็นการฉีกแนวออกไป และเป็นจุดเด่นของร้าน ซึ่งมีทั้งก๋วยเตี๋ยว เปาะเปี๊ยะ แหนมเนือง ฯลฯ รวมไปถึงอาหารญี่ปุ่นประเภทซูชิอีกด้วย

สำหรับ ก๋วยเตี๋ยวญวนเจ ถ้าจะทำขาย อุปกรณ์ที่ใช้หลัก ๆ ก็เป็นอุปกรณ์ขายก๋วยเตี๋ยวทั่ว ๆ ไป อาทิ เตาแก๊ส หม้อก๋วยเตี๋ยว ถ้วย-ชาม ตะเกียบ-ช้อน ทัพพี ตะกร้อลวกเส้น ฯลฯ โดยสิ่งที่ชุดาย้ำว่าสำคัญในการทำขาย ก็คือ น้ำซุปต้องอร่อย และร้อนอยู่เสมอ

จาก อัลบั้ม นสพ.เดลินิวส์


วิธีทำ ในส่วนของน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว ชุดาบอกว่า ตั้งน้ำหม้อก๋วยเตี๋ยวก่อน ซึ่งที่ร้านจะใช้หม้อก๋วยเตี๋ยวขนาดใหญ่สุด ใส่น้ำลงไปเกือบเต็ม ตามด้วยชุดเครื่องตุ๋นยาจีน อาทิ ฮวยซัว,ปักคี้เม็ดเก๋าคี่ ฯลฯ ใส่ลงไปอย่างละ 4-5 ชิ้น แต่เม็ดเก๋าคี่จะใส่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ (เหตุที่ไม่ใส่มาก เพราะมากไปจะทำให้น้ำออกรสเปรี้ยว ส่วนเครื่องยาจีนอื่น ๆ ถ้าต้มแล้วกินได้หมด) ตามด้วยขิงแก่ทุบ 1 แง่งใหญ่ ๆ,รากผักชี 4-5 ราก,ผงปรุงอาหาร (เจ) ยี่ห้อฟ้าไทย จำนวน 4 ช้อนโต๊ะ,ซีอิ๊วญี่ปุ่น 1/2 กระบวยใหญ่,ซุปก้อนเจ จำนวน 6 ก้อน,เกลือเม็ด 1 1/2 ช้อนโต๊ะ และน้ำตาลทรายแดง 8 ช้อนโต๊ะ ชิมรสให้ออกหวาน และเค็มพอดี ๆ มีรสชาติกลมกล่อม ต้มน้ำซุปให้เดือดเตรียมไว้ ระหว่างที่ขายไปก็เติมน้ำไป ปรุงรสไปเรื่อย ๆ

ต่อไปเตรียมเครื่องก๋วยเตี๋ยวต่าง ๆ ดังนี้ เส้นจันท์สด แทนเส้นเฝอ เพราะหาซื้อง่าย ส่วนผักสดใช้ผักกาดหอม ผักกวางตุ้ง ผักคะน้า กะหล่ำปลี (เลือกได้ 2 อย่าง) และถั่วงอก (ยืนพื้น) ผักโรยหน้าก๋วยเตี๋ยวใช้ใบผักชีฝรั่ง ใบขึ้นฉ่าย ส่วนใบโหระพาใช้กินแกล้ม

นอกจากนี้ ยังมีเห็ดเข็มทอง,เห็ดฟาง,เห็ดออรินจิ,เห็ดหอม,หมูยอเจ และลูกชิ้นเจ ของพวกนี้ต้องทำให้สุกก่อนนำมาใช้

เตรียม หัวไชเท้าหั่น (นำไปผัดกับน้ำมันแทนกระเทียมเจียว)
ส่วนเครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยวมี พริกแดงตำ,ซีอิ๊วเจ,น้ำตาลทราย,พริกน้ำส้มปั่น (พริกชี้ฟ้าเหลืองต้ม และนำไปปั่น),กระเจี๊ยบสด หั่นเป็นชิ้นขวาง (รักษาโรคกระเพาะ และเคลือบลำไส้)

จาก อัลบั้ม นสพ.เดลินิวส์


วิธีทำก๋วยเตี๋ยว เริ่มที่ลวกผักสดและถั่วงอกให้สุก ใส่ชามตามด้วยลวกเส้นจันท์จากนั้นใส่หัวไชโป๊ซึ่งผัดน้ำมันพืชลงไปแทน กระเทียมเจียว ซึ่งจะมีรสชาติหวาน คลุกกับเส้นก๋วยเตี๋ยวเพื่อให้เส้นไม่พันกัน

ใส่หัวไชเท้าหั่นเปล่า ๆ ลงบนเส้นก๋วยเตี๋ยวอีกนิดหน่อย เพื่อให้ก๋วยเตี๋ยวมีสีสัน จากนั้นใส่เห็ดฟาง เห็ดเข็มทอง หมูยอเจ และลูกชิ้นเจลงไป โรยหน้าด้วยกระเจี๊ยบสดหั่น เพื่อเพิ่มสีสันมากขึ้น

ตักน้ำซุปราดลงไปบนเส้นก๋วยเตี๋ยวพอประมาณ ซึ่งอาจจะมีเครื่องยาจีนปนลงไปด้วย
ก็พร้อมขาย ราคาชามละ 25-30 บาท โดยการทำก๋วยเตี๋ยวเวียดนามที่ว่ามานี้เป็นก๋วยเตี๋ยวแบบน้ำใส ถ้าจะให้เป็นแบบน้ำข้นเหมือนก๋วยเตี๋ยวน้ำตก ก็ให้ใช้เต้าหู้ยี้ผสมกับซีอี๊วดำแทนเลือด

ร้านของ ชุดา ทองเภา อยู่ในซอยอารีย์ 1 ถนนพหลโยธิน หมายเลขโทรศัพท์คือ 08-5440-9953หลัง 14.00 น.) ทั้งนี้ ก๋วยเตี๋ยวเวียดนามเจ-ก๋วยเตี๋ยวญวนเจ-เฝอเจ นี้ น่าจะเป็นอีกทางเลือกอาชีพ ทั้งในช่วงระหว่างเทศกาลกินเจนี้ และช่วงเวลาอื่น ๆ ด้วย ใครที่กำลังมองหาอาชีพขายก๋วยเตี๋ยว สนใจก็ลองไปฝึกทำดู.


ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์
บทความโดย: สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล
(update: วันอาทิตย์ ที่ 03 ตุลาคม 2553 เวลา 0:00 น.)

Daily News Online ช่องทางทำกิน 'ข้าวแกงปักษ์ใต้' ชื่อได้-มีสูตรดี-มีอาชีพ

Daily News Online โลกสีสวย ช่องทางทำกิน ช่องทางทำกิน 'ข้าวแกงปักษ์ใต้' ชื่อได้-มีสูตรดี-มีอาชีพ

อาหารปักษ์ใต้” ได้ชื่อว่าเป็นอาหารที่มีเอกลักษณ์ เฉพาะตัว เป็นที่ชื่นชอบและนิยมของคนไทยจำนวนมาก เพราะมีรสชาติจัดจ้าน เผ็ดร้อนถึงพริกถึงเครื่องสมุนไพรเอามาก ๆ ชนิดที่ว่าน้ำแกงเข้มข้น ทั้งเค็ม เปรี้ยว เผ็ด เด็ดถึงใจกันเลยทีเดียว หลายคนเมื่อใดที่นึกถึงเมนู อาหารปักษ์ใต้ อย่างพวกแกงเหลือง, แกงไตปลา, คั่วกลิ้งแล้วละก็ อดที่จะน้ำลายสอที่มุมปากไม่ได้ ทำให้นึกอยากกินอาหารปักษ์ใต้ขึ้นมาทันที วันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มีเทคนิคการทำอาหาร ร้าน “ข้าวแกงปักษ์ใต้” มาแนะนำ เพื่อพิจารณาเป็นอีกช่องทางอาชีพ...


จาก อัลบั้ม นสพ.เดลินิวส์

อนัญญา เที่ยงน้อย หรือคุณกุ้ง เจ้าของร้านข้าวแกงปักษ์ใต้จันดี (นครศรีธรรมราช ) เนื่องจากเป็นคนที่แพ้ผงชูรส เวลาไปทานอาหารนอกบ้านเจอร้านที่ใส่ผงชูรสทำให้แพ้ ท้องอืด ปากชา ไม่สบายทุกทีไป ประกอบกับเป็นคนชอบทำกับข้าวมาตั้งแต่เด็กและคุณแม่สอนทำอาหารพื้นบ้านชาว ใต้ จึงมีความคิดที่จะทำร้านอาหารปลอดผงชูรส และนำผักพื้นบ้านที่หากินในกรุงเทพฯไม่ได้ มาให้ชาวใต้ได้กินกันถึงในกรุง ซึ่งอาหารใต้ส่วนใหญ่มักจะมีสมุนไพรพื้นบ้านเป็นส่วนประกอบหลัก จึงดีต่อสุขภาพ

คุณกุ้งบอกว่า ด้วยความตั้งใจอยากมีร้านอาหารปักษ์ใต้เป็นของตัวเอง ประกอบกับได้รู้จักเจ้าของร้านบิ๊กแอ็ปเปิ้ลที่มีพื้นที่เหลืออยู่ จึงขอเช่าทำร้านอาหารอย่างที่ได้ตั้งใจไว้ จึงเกิดร้านข้าวแกงปักษ์ใต้จันดีขึ้น

วัตถุดิบที่ใช้ สั่งตรงจากบ้านเกิดโดยให้น้องชายส่งขึ้นรถทัวร์มาทุกเช้า เช่น ใบเหลียง, มันขี้หนู, ใบลาน้ำ, ใบมันปู ส่วนเนื้อสัตว์จะสั่งจากร้านที่คัดเกรด หลังจากได้วัตถุดิบมาแล้ว ผัก จะทำการล้างด้วยน้ำยาล้างผัก และน้ำส้มสายชู จนกว่าจะสะอาดจริง ๆ ใบที่ไม่สวยก็จะคัดทิ้ง หลังจากนั้นถึงจะนำมาให้ลูกค้ารับประทาน

สำหรับเมนูอาหารของร้าน ที่ลูกค้ามาต้องสั่งทานเพราะหารับประทานยาก เช่น ใบเหลียงผัดไข่ แกงเหลืองมันขี้หนูปลากะพง, ปลาแดง-ปลากระบอกทอดขมิ้น, ขนมจีนเส้นสด-น้ำยาใต้, คั่วเนื้อข่าอ่อน, กุ้งต้มกะทิหน่อไม้อ่อน, คั่วกลิ้งหมู , น้ำพริกแมงดา, ต้มส้มปลากระบอก, ผัดเผ็ดสะตอกุ้ง เป็นต้น

เมนูพระเอกของร้านที่จะแนะนำคือ ใบเหลียงผัดไข่ เป็นอาหารจานผัดที่ดูธรรมดา แต่รสชาติไม่ธรรมดา และอีกหนึ่งเมนูโปรดชาวใต้ ปลาแดงทอดขมิ้น ซึ่งเมนูนี้คุณกุ้งบอกว่าจะใช้ปลาทะเลอื่น ๆ ก็ได้

อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ในการทำร้านข้าวแกงปักษ์ใต้นั้น ต้องเตรียมให้ครบครัน ที่ขาดไม่ได้คือครกหิน นอกนั้นก็เป็นพวกเขียง, มีด, ช้อน, ส้อม, ทัพพี, หม้อหลาย ๆ ขนาด, กะละมัง, กระทะ, เตาแก๊ส, เตาถ่าน, ตะแกรง, หม้อต้มน้ำซุป, ถาด เป็นต้น


จาก อัลบั้ม นสพ.เดลินิวส์

วิธีทำ “ใบเหลียงผัดไข่” วัตถุดิบก็มี... ใบเหลียง, ไข่ไก่, ซีอิ๊วขาว, น้ำตาล, น้ำมันรำข้าว, น้ำปลา, กระเทียม การทำเริ่มจากล้างใบเหลียงให้สะอาด นำมาหั่น ทุบกระเทียมดี ๆ ให้พอแตก จากนั้นตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันรำข้าวเล็กน้อย ใส่กระเทียมที่เตรียมไว้ลงไปผัดพอหอม ตอกไข่ใส่ลงไป คั่วให้เกือบจะสุกแล้วนำใบเหลียงที่หั่นเตรียมไว้ใส่ตามลงไป ผัดกลับไปกลับมาสองสามครั้ง ปรุงรสด้วยน้ำปลา ซีอิ๊วขาว น้ำตาล พอผักสลด ตักขึ้นใส่จาน เป็นอันเสร็จ ขายในราคาจานละ 40 บาท ต้นทุนเฉพาะวัตถุดิบประมาณ 60%


จาก อัลบั้ม นสพ.เดลินิวส์

วิธีทำ “ปลาแดงทอดขมิ้น” วัตถุดิบที่ใช้... ปลาแดงขนาดพอเหมาะ, ขมิ้นชัน, กระเทียม, เกลือ การทำเริ่มจากคัดปลาสด ๆ ขนาดพอดี นำขมิ้นชันกับกระเทียมดี ๆ ใส่ครกโขลกเข้าด้วยกันพอหยาบ ๆ แบ่งเป็นสองส่วน นำส่วนหนึ่งไปหมักปลาที่เตรียมไว้ กับน้ำปลา ซีอิ๊วขาว ทิ้งไว้หนึ่งชั่วโมง จากนั้นนำปลาไปทอดใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน ทอดจนเหลืองสวย นำขึ้นใส่จาน นำขมิ้นโขลกที่เหลือไปทอดน้ำมันอุ่น ๆ พอเหลืองกรอบ ตักไปราดบนตัวปลา จัดแต่งให้สวยงาม พร้อมขาย ราคาตัวละ 40 บาท ทุนวัตถุดิบประมาณ 60%

แต่ละวันเมนูข้าวแกงจะมีประมาณ 20 อย่าง สลับสับเปลี่ยนไป เรื่อย ๆ แต่ก็ต้องมีเมนูเด็ดยืนพื้นไว้ส่วนหนึ่ง เช่น แกงเหลือง แกงไตปลา ต้มส้มปลากระบอก หมูผัดกะปิ แกงคั่วหอยขม แกงหมูมะเขือ พวง ฯลฯ

รวมถึง ใบเหลียงผัดไข่, ปลาแดงทอดขมิ้น

ราคาขายนั้น ถ้าเป็นข้าวแกงราดกับข้าว 1 อย่าง ราคา 30 บาท, ราด 2 อย่าง 40 บาท, แกงถ้วย 40 บาท, ขนมจีนน้ำยากะทิ-น้ำยาป่า ชุดละ 30 บาท พร้อมผักเคียง หรือผักเหนาะจานใหญ่ ๆ มากมาย ซึ่งก็ถือว่าไม่สูง เมื่อเทียบกับคุณภาพอาหาร และผักที่บางอย่างหากินไม่ได้ในกรุงเทพฯ

คุณกุ้งบอกว่า กำไรไม่มาก เพราะต้นทุนสูง แต่ก็อยากให้ลูกค้าทานอาหารที่มีคุณภาพดี เน้นความสะอาดและสดใหม่ และที่สำคัญรสชาติอาหารไม่เพี้ยนจากสูตรของชาวใต้ ซึ่งเหล่านี้คือ “จุดขาย”

ร้านข้าวแกงปักษ์ใต้จันดี (นครศรีธรรมราช) ของคุณกุ้งอยู่ตรงสี่แยกเกษตร-นวมินทร์ ตัดถนนสุคนธ์สวัสดิ์ ด้านซ้ายของร้านบิ๊กแอ็ปเปิ้ล เปิดบริการเวลา 08.00-15.00 น. หยุดทุกวันจันทร์ เบอร์โทรฯ คุณกุ้ง 08-9798-4555 ทั้งนี้ ร้าน “ข้าวแกงปักษ์ใต้” ก็นับเป็นทางเลือกหนึ่งของอาชีพขายอาหารที่น่าสนใจ.


ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์
ชื่อบทความ : ข้าวแกงปักษ์ใต้' ชื่อได้-มีสูตรดี-มีอาชีพ
บทความ/ภาพโดย: เชาวลี ชุมขำ
(update : วันอาทิตย์ ที่ 07 พฤศจิกายน 2553 เวลา 0:00 น.)

Daily News Online โลกสีสวย ช่องทางทำกิน ตำซั่วโฉมใหม่ พลิกแพลงสูตรสร้างจุดขาย

Daily News Online โลกสีสวย ช่องทางทำกิน ตำซั่วโฉมใหม่ พลิกแพลงสูตรสร้างจุดขาย

จาก อัลบั้ม นสพ.เดลินิวส์

ร้านอาหารสไตล์อีสานแม้จะมีอยู่ทั่วไปแต่กับร้านที่จะประสบความสำเร็จ เป็นอย่างดีนั้นจำเป็นต้องมีปัจจัยเงื่อนไขต่างๆหลายประการรวมถึงสูตรอาหาร ที่อาจต้องมีการพลิกแพลงให้เข้ากับทำเลเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้า อย่างเช่นเมนู“ตำซั่วสปาเกตตี-พาสต้า”ที่ทีม“ช่องทางทำกิน”มีข้อมูลมาเล่า สู่กันฟัง...

---@@@---

จาก อัลบั้ม นสพ.เดลินิวส์

เนติ เยาวรัตน์หรือ ต้อ เป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารสไตล์อีสานชื่อร้าน“อร่อยแน่นอน”โดยผันตัวเองจาก ที่เคยทำงานด้านโรงแรมเปลี่ยนเป็นพ่อค้าขายอาหารจากก้าวแรกสู่ก้าวที่สอง ก้าวที่สามจนกระทั่งปัจจุบันร้านขายอาหารได้ขยายตัวเป็นร้านอาหารสไตล์ อีสานอย่างเต็มตัวและธุรกิจกำลังไปได้อย่างสวยงาม

คุณต้อเล่าถึงที่มาของการเปิดร้านอาหารให้ฟังว่าเกิดจากความคิดจุดเล็กๆที่ อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองโดยเริ่มตั้งแต่คิดว่าจะขายอะไรดีขายที่ไหนและขาย ให้ใครแล้วโอกาสที่คนจะซื้อได้ทุกวันคืออะไรเมื่อคิดเสร็จก็มาลงตัว ที่“อาหารอีสาน”ซึ่งคนไทยปัจจุบันนิยมกันทั่วไปไม่เว้นแม้แต่ตามย่านธุรกิจ ในกรุงเทพฯ

“เป็นคนชอบกินอาหารอีสานจึงทำให้เป็นคนชอบทำและชอบดัดแปลงอาหารเอาโน่นใส่ นิดจับนี่ใส่หน่อยเอาสไตล์ฝรั่งมาผสมกับอีสานบ้านเฮาพอคนชิมแล้วยกนิ้วให้ บอกว่าอร่อยมากเพียงเท่านี้ก็มีความสุขเมื่อเห็นลู่ทางและกำไรที่น่าจะไปได้ ดีก็ตัดสินใจเปิดร้านอาหารอีสานซึ่งที่สุดก็มาปักหลักในทำเลปัจจุบันการจับ ธุรกิจร้านอาหารอย่างเต็มรูปแบบการจะทำร้านอาหารนั้นนอกจากจะต้องมีเงินทุน แล้วคนที่เป็นเจ้าของร้านต้องทำกับข้าวเป็นขอย้ำว่าต้องทำเป็นอย่างน้อยเจ้า ของร้านจะต้องเป็นคนกำหนดสูตรกำหนดรสชาติให้กับพ่อครัวเพราะถ้าเกิดต้อง เปลี่ยนพ่อครัวด้วยกรณีใดๆสูตรและรสชาติเดิมๆก็จะยังคงอยู่กับร้านตลอด”

เจ้าของร้านนี้บอกอีกว่านอกจากฝีมือในการปรุงอาหารแล้วหัวใจสำคัญที่ต้อง เน้นเป็นพิเศษสำหรับอาหารคือเรื่อง“ความสะอาด”ซึ่งไม่ใช่แค่จัดใส่จานให้ดู สะอาดน่ารับประทานเท่านั้นอย่างผักสดก็ต้องล้างน้ำหลายครั้งจนมั่นใจว่า สะอาดจริงเวลาประกอบอาหารก็ต้องระวังที่สำคัญอีกอย่างการทำอาหารขายต้อง รู้จัก“พลิกแพลงสูตร”อย่างส้มตำธรรมดาๆก็ปรับมาเป็นส้มตำหอยดองส้มตำปูม้า ส้มตำไข่เค็มเป็นต้น

อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ในการทำอาหารอีสานนั้นก็ต้องเตรียมให้ครบ ครันที่ขาดไม่ได้คือครกกับสากไม้สำหรับตำส้มตำรวมถึงเขียง,มีด,ช้อน, ส้อม,ทัพพี,หม้อมีด้ามสำหรับใช้ปรุง,กระปุกหรือโหลสำหรับใส่วัตถุ ดิบ,กะละมัง,กระทะ,เตาแก๊ส,เตาถ่าน,ซึ้งนึ่งข้าวเหนียว,ตะแกรง,หม้อต้มน้ำ ซุป,ถาด,คีมคีบฯลฯ

วัตถุดิบในการทำอาหารอีสานต้องซื้อของใหม่สดทุกวันพระเอกต้องยกให้มะละกอดิบ ที่มีความสดกรอบอร่อยที่เหลือก็เป็นพวกถั่วลิสงคั่ว,น้ำตาลปี๊บ,น้ำปลา,น้ำ มะนาว,น้ำมะขามเปียก,พริกขี้หนูสด,พริกขี้หนูแห้ง,พริกแห้งป่น,ข้าวคั่วป่น, กุ้งแห้ง,ปูเค็ม,ปลาร้า,เนื้อหมู,เนื้อไก่,ผักชีฝรั่ง,แครอท,ต้นหอม,ผักชี, ใบสะระแหน่,ใบโหระพา,ถั่วฝักยาว,มะเขือเทศเหล่านี้เป็นต้นส่วนผักสดนานาชนิด ก็เช่นกะหล่ำปลี,ผักบุ้งนา,แตงกวา,ผักแว่น,ผักแผ้ว,ผักกาดหอมฯลฯตามแต่ผัก ชนิดใดจะเหมาะกับอาหาร

จาก อัลบั้ม นสพ.เดลินิวส์

คุณต้อบอกว่าร้านอาหารอีสานนั้นอาหารจานแรกๆที่คนต้องสั่งคือส้มตำจะเป็น ส้มตำอะไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนจานเด็ดของทางร้านคือ“ตำซั่ว สปาเกตตี”หรือ“ตำซั่วพาสต้า”
วัตถุดิบที่ใช้ทำ“ตำซั่วสปาเกตตี”หรือ“ตำซั่วพาสต้า”ก็เป็นเครื่องทำส้มตำ ปกติทั่วไปที่เพิ่มเติมก็จะมีถั่วงอกสด,แคบหมู,แตงกวาและเส้นสปาเกตตีหรือ เส้นพาสต้าที่ใช้แทนเส้นขนมจีน

ขั้นตอนการทำ“ตำซั่วสปาเกตตี”หรือ“ตำซั่วพาสต้า”นำน้ำสะอาดใส่หม้อทรงสูง ตั้งไฟพอน้ำเดือดใส่เกลือลงไปนิดหน่อยแล้วจึงใส่เส้นสปาเกตตีหรือเส้นพาสต้า ลงไปต้มประมาณ7นาทีหรือใช้วิธีทดลองกินเส้นดูว่าได้ที่หรือยังพอเส้นสุกจน เริ่มนิ่ม(อย่าให้นิ่มมากจะไม่อร่อย)ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำแล้วตั้งพักไว้

ต่อไปเตรียมตำส้มตำปูดองเอากระเทียมพริกแห้งพริกสดถั่วฝักยาวหั่นมะเขือเทศ ใส่ครกตำพอแหลกปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ,น้ำมะนาว,น้ำปลาพร้อมกับแกะปูดองใส่ลง ไปใช้สากย้ำ2-3ทีคลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากันนำเส้นมะละกอสับและเส้นแครอทใส่ ตามลงไปตำเบาๆให้ส่วนผสมเข้ากันชิมรสชาติให้เข้มข้นตักใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ก่อนเสิร์ฟก็นำเส้นสปาเกตตีหรือเส้นพาสต้า,แคบหมู,ถั่วงอกดิบ,แตงกวาจัดวาง ให้สวยงามลูกค้าที่สั่งก็จะใช้ช้อนคลุกเคล้าให้เครื่องเข้ากันเพียงเท่านี้ ก็จะได้แซบกับตำซั่วโฉมใหม่

เมนูนี้ทางร้านนี้ขายจานละ80บาททุนวัตถุดิบประมาณไม่เกิน50%(ยังไม่รวมทุน เบ็ดเตล็ดอื่นๆ)ซึ่งราคาอาหารร้านนี้มีตั้งแต่40บาทจนถึง200บาทขึ้นอยู่กับ เมนูซึ่งก็มีหลากหลายโดยเมนูเด็ดที่ขึ้นชื่อของร้านนี้นอกจากตำซั่วโฉมใหม่ ดังที่ว่ามาแล้วก็มีอาทิไก่ย่างโยเกิร์ต,ต้มแซบเนื้อเปื่อย,ต้มไก่บ้านมะขาม อ่อน,ปลาช่อนสมุนไพร,ตำข้าวโพด,ตำยอดมะระ,ตำไข่เค็ม,ไก่คั่วเกลือ,ลาบปลา สลิด,ยำปูนิ่ม,ยำเห็ดโคนฯลฯซึ่งนอกจากจะขายที่ร้านแล้วยังมีบริการส่งฟรี ระยะทางไม่เกิน3กิโลเมตรและรับจัดเลี้ยงตามงานต่างๆ

---@@@---

ร้าน“อร่อยแน่นอน”ของคุณต้ออยู่ในย่านธุรกิจย่านถนนรัชดาภิเษกในกรุงเทพฯ อยู่ริมถนนใหญ่ฝั่งตรงข้ามคาร์ฟูร์บรรยากาศร้านเป็นโทนสีขาวจัดให้โล่งสบาย เหมาะกับการรองรับลูกค้าได้ทุกกลุ่มส่วนเบอร์โทรฯคุณต้อคือโทร.08-6376-8832 ทั้งนี้ร้านอาหารอีสานร้านนี้ก็เป็นอีกรูปแบบอาชีพขายอาหารที่น่าสนใจ.

ที่มาบทความ : เดลินิวส์ออนไลน์
ชื่อบทความ : ตำซั่วโฉมใหม่ พลิกแพลงสูตรสร้างจุดขาย
ผู้เขียนบทความ/ภาพ : เชาวลี ชุมขำ
(update: วันอาทิตย์ ที่ 10 ตุลาคม 2553 เวลา 9:37 น)

วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ครัว'คริต - ฉู่ฉี่กุ้งฟองเต้าหู้ 5 nov.10




lRef: YouTube ; adyEdnaMode | November 04, 2010
Playlist : http://www.youtube.com/view_play_list...

ชื่อรายการ: ครัวแล้วแต่คริต
ชื่ออาหาร: ฉู่ฉี่กุ้งพันฟองเต้าหู้ โดย ชาคริต แย้มนาม

วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สุขภาพ: 4 วิธีลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว

วิธีลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว

หากใคร กำลังมุ่งมั่นที่จะลดน้ำหนักหรือหาขั้นตอนแจ่มๆ อยู่นั้น วันนี้มี 4 วิธีที่จะลดส่วนเกินแบบรวดเร็วมาแนะนำกัน


1.การวิ่ง
การวิ่งจะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มาก และไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรเลย เริ่มต้นโปรแกรมทำอย่างช้าและวางแผนในการออกกำลังกาย 3-4 วัน/สัปดาห์ ที่ เริ่มต้นในแต่ละครั้งด้วยการอบอุ่นร่างกายอย่างน้อย 5 นาทีด้วยการเดินอย่างช้าๆ และการจ็อกกิ้งและเดินมันจะทำให้คุณสร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อหัวใจ และ หลอดเลือด โดยครั้งหนึ่งในการวิ่งคุณอาจใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งมันจะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ ได้ถึง 250 -350 350 แคลอรี่โดยขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของคุณ


2.การปั่นจักรยาน
รายการการพิมพ์จาก โรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ด ระบุว่า ร้อยละ 14 ในการปั่นจักรยานที่ 15.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นเวลา เวลา 30 นาที จะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ 300 - 444 แคลอรี่ การปั่นจักรยานนั้นให้ใช้วิธีเริ่มอย่างช้าๆ และค่อยๆ เพิ่มความเร็ว รวมทั้งระยะทางขึ้น ซึ่งนั่นมันจะช่วยเพิ่มสมรรถภาพของคุณให้ดีขึ้นด้วย แต่ทั้งนี้คุณอย่าลืมว่าหัวใจของการออกกำลังกายนั้น จะต้องเลือกอาหารเพื่อสุขภาพในการลดน้ำหนักด้วย


3.High Intensity Interval Training (HIIT)
ช่วงการฝึกอบรมเข้มสูง (HIIT) เป็นชนิดของการฝึกอบรมหัวใจที่คุณจะแลกเปลี่ยนสั้นเข้มกับช่วงยาวช่วงชะลอ .... HIIT เป็นการเผาผลาญด้วยการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพไม่ว่าคุณจะวิ่ง, ว่ายน้ำ, วอล์คเกอร์หรือนักขี่จักรยาน ถือเป็นเทคนิคการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพมากที่ใช้ในการลดไขมัน, เพิ่มความเร็วและเพิ่ม VO2Max (ของจำนวนเงินสูงสุดของคุณสามารถดูดออกซิเจนระหว่างการออกกำลังกาย) ในช่วงเวลาสั้น นักกีฬาใช้เพื่อเพิ่มทั้งความอดทน aerobic และ anaerobic ของพวกเขา

HIIT session ตามปกติเวลาประมาณ 15-20 นาทีและเกี่ยวข้องกับสัดส่วน 02:01 สำหรับการกู้คืนทำงานช่วง ซึ่งหมายความว่าช่วงเวลาการกู้คืนของคุณเป็นสองเท่านานเท่าช่วงงาน

การทำ High Intensity Interval Training (HIIT) ควรทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์

ข้อมูลเพิ่มเติม:HIIT (คลิก)


4.การเดิน
คุณอาจคิดว่ามันคงเทียบกันไม่ได้กับการที่เดินออกกำลังกายแล้วมันจะช่วยลด น้ำหนักได้มาก.... แต่จากการตีพิมพ์โดยศูนย์การแพทย์สวีดิช ใน ซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา,"ระยะไมล์ต่อไมล์ การวิ่งและ การเดิน มันจะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ ในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน แต่ถ้านาทีต่อนาที กับสปีดความเร็วของคุณ มันก็จะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ ได้มากกว่า และก็ไม่แปลกที่การวิ่งมันก็เผาผลาญได้มากกว่าตามทฤษฏี แต่ในการเดินด้วยความเร็วนั้นมันก็จะได้การเผาผลาญแคลอรี่ ที่ไม่ต่างกันและจะกระทบในเรื่องข้อต่อของคุณไม่มากเท่าการวิ่ง และถ้าคุณมีการฝึกให้เร็วขึ้นและแกว่งแขน และบิดตัวเล็กน้อยระหว่างเดินมันก็จะเป็นสิ่งที่เหมาะสมทีเดียว

กินมากเกินไป ห้ามใจยังไงดีเนี่ย

กินมากเกินไป ห้ามใจยังไงดีเนี่ย


คุณ หิวตลอดเวลา?
การกินมากไปเป็นแค่นิสัยแย่ๆ ที่อาจแก้ไข ได้เหมือนกับนิสัยอื่นๆและนี่คือวิธีการ
• ทิ้งอาหารขยะทั้งหลายไปให้พ้น เลือกกินธัญพืช ผักสดผลไม้ ถั่ว โยเกิร์ต และเนื้อไม่ติดมันแทน
• หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ขนาดยักษ์
• ใช้จานขนาดเล็ก วางช้อนลงหลังตักอาหารเข้าปาก และเคี้ยว อาหารช้าๆ


คุณ นอนไม่พอ?
คุณกินพอแล้วมักลดลงจากการอดนอนลองจัดการกับมันโดย..
•หลีก เลี่ยงแอลกอฮอล์ กาเฟอีน และการสูบบุหรี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง บ่ายและเย็น
• อาบน้ำอุ่นก่อนเข้านอน เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลายและหลับง่ายขึ้น
• อย่าออกกำลังกายใกล้เวลานอน มันอาจทำให้ระดับการเผาผลาญเพิ่มขึ้น และทำให้คุณหลับไม่ลง
• เข้านอนและตื่นให้เป็นเวลา


คุณกิน เพื่อคลายความเครียด?
เมื่อคุณเครียด ร่างกายจะหลั่งคอร์ติซอลซึ่งทำให้ร่างกายสรุปเอาว่ามันจะต้องทำ นี่คือวิธีการเอาชนะมัน
• คิดหาวิธีลดความเครียด บางทีคุณอาจต้องแบ่งงานให้คนอื่นทำบ้างหรือ ประเมินการดำเนินชีวิตของคุณทั้งที่บ้านและที่ทำงานเสียใหม่
• หาเวลาว่างในแต่ละวันเพื่อการผ่อนคลายอย่างเป็นเรื่องเป็นราวโยคะ หรือการทำสมาธิเป็นตัวเลือกที่ดี
• เคลื่อนไหวร่างกาย การเดินเพียงแค่ห้านาทีก็ช่วยลดระดับคอร์ติซอลได้


ที่มา: http://women.sanook.com

10 อันดับขนมหวานชื่อก้องโลก

10 อันดับขนมหวานชื่อก้องโลก

จาก Sanook.com
อันดับที่ 1

ทีรามิสุ ( Tiramisu )


เค้กชื่อดังของอิตาลีทำขึ้นจากเล ดี้ฟิงเกอร์ราดเอสเปรสโซ่ สอดไส้ด้วยมาสคาร์โปนชีสและซาบากลิออเน ลือกันว่าทีรามิสุมีจุดกำเนิดมาจากการที่แม่บ้านของทหารในสงครามโลกครั้งที่ สองทำเค้กให้สามีรับประทาน โดยเชื่อว่าส่วนผสมของคาเฟอีนกับน้ำตาลจะช่วยให้พวกเขามีพลังและแคล้วคลาด จากอันตราย ช่างโรแมนติคเสียนี่กะไร เหมาะจะเป็นของหวานรับวันวาเลนไทน์โดยแท้


จาก Sanook.com
อันดับที่ 2

บาคลาวา ( Baklava)


ประวัติที่แท้จริงของบาคลาวายากที่จะระบุ ให้แน่ชัด เพราะว่ากันว่ามันมีต้นกำเนิดจาก จักรวรรดิอ็อตโตมัน ดินแดนเมโสโปเตเมีย และอาหรับ โดยขนมหวานชนิดนี้ทำขึ้นจากการนำแป้งฟิลโลมาสอดไส้ไว้ด้วยถั่ว น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม หากต้องการลิ้มลองรสชาติ แบบต้นตำรับก็ต้องไปรับประทานถึงถิ่นที่อ้างว่าเป็น จุดกำเนิด ทั้งกรุงอิสตันบูล กรุงเอเธนส์ และกรุงเบรุต แม้แต่ละที่อาจจะมีรสแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็ยังการันตีได้ถึงความเอร็ดอร่อย


จาก Sanook.com
อันดับที่ 3

ไดฟุกุ ( Daifuku )


ขนมเจลลาตินทรงกลมจากแดนอาทิตย์อุทัยมักสอดไส้ไว้ด้วยถั่วแดงหวาน (และบางครั้งก็อาจเป็นแยมสตอเบอร์รี่ โรยด้วยแป้งบางๆ โดยสามารถหาซื้อมารับประทานได้ทั้งจากกรุงโตเกียว โอซาก้า เกียวโต นากาโนะ และทุกแห่งในญี่ปุ่น


จาก Sanook.com
อันดับที่ 4

กุหลับ จามาน ( Gulab Jamun)

ก้อนขนมปังหวานที่คงไม่ถูกปากฝรั่งตาน้ำ ข้าว แต่คอนเฟิร์มว่าอยู่ในรายชื่อขนมอันดับต้นๆ ของชาวอินเดีย และเมื่อมีคนกว่าพันล้านคนชื่นชอบ ก็ยากจะปฏิเสธได้ว่ามันไม่อร่อย ปกติแล้วมักทำขึ้นโดยใช้ครีมสองชั้นและราด้วยน้ำเชื่อมเข้มข้น เป็นที่นิยมในอินเดีย ปากีสถาน เนปา และประเทศในแถบเอเชียใต้


จาก Sanook.com
อันดับที่ 5

ฮาโล ฮาโล ( Halo Halo)


จานเด็ดของชาวฟิลิปปินส์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้ไข่บาลุท แต่รับประกันได้ว่าไม่น่าสะอิดสะเอียน ทั้งนี้ ฮาโล ฮาโล ไม่มีสูตรการทำที่แน่นอน แต่ดูๆ ไปก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำแข็งใสของบ้านเรา โดยนำน้ำแข็งบดมาเติมด้วยเครื่องเคียง เช่น ถั่วเขียว ลูกตาล ขนุน มะพร้าวอ่อน ไอศกรีม วุ้นมะพร้าว สับปะรด และอื่นๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการราดนมข้นหวานและน้ำเชื่อม โดยสามารถหารับประทานได้ทุกที่ในกรุงมะนิลา


จาก Sanook.com
อันดับที่ 6

แบล็คฟอเรสท์เค้ก ( BlackForestCake )


ด้วยความมีชื่อเสียงในเรื่องชนิทเซล เบียร์ และเค้กรสชาติอร่อยมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่เยอรมนีจะกลายเป็นสถานที่ดื่ม-กินยอดนิยมของเรา โดยเจ้าช็อกโกแลตเค้กที่ทับซ้อนหลายชั้นด้วยครีม เชอร์รี่ และบรั่นดีผลไม้นี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นยุค 1900 ทางตอนใต้ของเยอรมนี (ภายหลังได้รับการปรุงแต่งให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วยฝีมือของช่างทำเค้กในกรุง เบอร์ลิน) และทุกวันนี้เป็นทื่ชื่นชอบของคนทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่า นี่ก็เป็นหนึ่งในของโปรดของเราเช่นกัน


จาก Sanook.com
อันดับที่ 7

ข้าวเหนียวมะม่วง


ขนมหวานแบบไทยๆ ที่นำมะม่วงสุกเหลืองอร่ามมาทานคู่กับข้าวเหนียวมูนราดด้วยน้ำกะทิ ฟังแล้วชวนน้ำลายสอเป็นอย่างยิ่ง โดยได้รับความนิยมจากทั้งชาวสยามและชาวต่างชาติ ทั้งยังสามารถหาลิ้มลองได้ทั้งที่โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ภัตตาคาร และร้านอาหารตามท้องถนนทั่วไป


จาก Sanook.com
อันดับ 8

แอปเปิ้ล พาย ( Apple Pie )

เช่นเคย แม้จะฟังดูเป็นอเมริกันจ๋า แต่จริงๆ แล้วมีต้นกำเนิดจากเมืองผู้ดี โดยได้รับการคิดค้นขึ้นเมื่อปี 1381 และปกติจะอบด้วยแป้งสองชั้ ในสมัยก่อน ตอนที่ชาวอังกฤษอพยพมาตั้งรกรากในอเมริกา พวกเขาได้นำเมล็ดแอปเปิลมาปลูกด้วย จึงทำให้มันมีความเกี่ยว พันกับวัฒนธรรมของชาวมะกัน แต่ไม่ว่าจะที่โรงแรมในลอนดอนหรือภัตตาคารในแอลเอ แอปเปิลพายก็เป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดาลูกค้าเหมือนกัน


จาก Sanook.com
อันดับที่ 9

นาไนโม บาร์ ( Nanaimo Bars)

แคนาดาขึ้นชื่อเรื่องขนมหวาน ? ได้ยินแล้วไม่ต่างกับการพูดว่ากรุงเทพขึ้นชื่อเรื่องทะเลยังไงยังงั้น แต่กระนั้น ขนมรสเลิศดังกล่าว มีที่มาจากเกาะแวนคูเวอร์ในเมืองนาไนโม รัฐบริติชโคลัมเบีย โดยได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นจากฝีมือแม่บ้านท้องถิ่นซึ่งได้ส่งเจ้าขนมทรง จัตุรัสชิ้นนี้ไปประกวดในนิตยสารและคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ ปัจจุบัน เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในแถบอเมริกาเหนือ


จาก Sanook.com
อันดับที่ 10

แครมบรูเล่ (Creme Brulee)


แม้ชื่อจะฟังดูแล้วฝรั่งเศสสุดๆ แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าเป็นเช่นนั้น เนื่องจากวิทยาลัยทรินิตี้ในเคมบริดจ์ได้อ้างว่าพวกเขาคือ ต้นตำรับผู้คิดค้น ขนมสูตรเด็ดนี้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 1600 อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีจุดกำเนิดจากอังกฤษ แต่เชื่อแน่ว่าคงไม่มีสถานที่ใด เหมาะแก่การทานคัสตาร์ดเย็นๆ โรยด้วยน้ำตาลไหม้ ได้เท่ากับใต้หอไอเฟลที่ประดับด้วยไฟสว่างไสวในยามค่ำคืนในกรุงปารีส


ที่มา: http://webboard.travel.sanook.com
Ref: http://www.toptenthailand.com/display.php?id=1409

more comment on board:
comment1 : ไปเอามาจากใหนเนี่ยะ
เคยกินแต่ อันดับที่ 1 อันดับที่ 6 และ 7
แต่ ทีรามีสุ ที่เป็นอันดับ 1 อร่อยจริงๆและอร่อยมากด้วย
เสียอย่างเดียวแพงไปหน่อย

comment2 : อันดับ1 กินมาแล้วค่ะ แพงมากเลย แต่ก็อร่อยแบบฝรั่งๆ ...แต่ข้าวเหนียวมะม่วงละก็ กินประจำ หมดหน้ามะม่วงที ลดความอ้วนที 5555

comment3 : ข้าวเหนียวมะม่วง กะ แบล็คฟลอเรสต์

comment4 : อันดับสิบอร่อยสุดๆและ ยิ่งกินตอนนี้มันกะลังร้อนๆ แล้ว สุดยอดดดด

comment5 : อันดับที่4 เค้าเรียกว่า กุ-หลาบ-จา-มุน ไม่ใช่ กุหลับจามาน เคยกินแล้ว ส่วนมากจะราดน้ำเชื่อม หวานโคตรๆเรย

comment6 : ขนมประเทศไหนๆก็สู้ขนมไทยๆไม่ได้อร่อยที่สุดในโลก