วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การเดินตามแนวทางธรรมชาติบำบัด

ให้โอกาสตัวเองอีกครั้ง ฉันจะมีสุขภาพแข็งแรง ฉันรักเธอร่างกาย


ก็เพราะโหมงานหนักเกินกำลัง ทำให้พักผ่อนไม่พอ ร่างกายมันเลยรวมหัวกันประท้วงครั้งใหญ่ ไม่ยอมให้ใช้งานดักดานอีกต่อไป รวนไปหมดทั้งตับไตไส้พุง บ้านหมุนวันละหลายรอบ ปวดเมื่อยตัวเหมือนร่างจะแหลกซะให้ได้ เพิ่งรู้สึกตัวเมื่อน็อกว่า ถึงเวลาที่ฉันต้องชดใช้คืนอวัยวะทั้ง 32 แล้ว
เป็นบทเรียนราคาแพงที่เจอมากับตัว เลยขอส่งท้ายปีเก่าด้วยการชวนทุกคนหันมากอดตัวเองแน่นๆ กอดรัดฟัดเหวี่ยงรักอวัยวะทั้ง 32 ให้เต็มเหนี่ยว และเมตตาร่างกายตัวเองให้มากๆ อย่าเอาแต่ใช้พวกเค้าหักโหมเกินไป โดยไม่ดูแลกัน ร่างกายเราก็เหมือนต้นไม้ ถ้าหมั่นรดน้ำพรวนดิน ดูแลอย่างทะนุถนอม พวกเค้าย่อมผลิใบออกดอกงดงาม แต่ถ้าเมื่อไหร่โดนทิ้งรกร้างก็มีแต่เหี่ยวเฉา
ไปค้นเจอหนังสือ “ธรรมชาติช่วยชีวิต” ของ “ดร.ทอม อู๋” ด็อกเตอร์ด้านโภชนาการและการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติจากสหรัฐอเมริกา โอ้โหถูกใจมากๆ เพราะแนวทางของด็อกเตอร์ตอบโจทย์ค้างคาได้หมดสิ้น “ด็อกเตอร์อู๋” เกิดที่ประเทศจีน เคยศึกษาวิชาชี่กงและตำรับยาลับจากซินแสโบราณ และยังร่ำเรียนวิชาแพทย์แผนตะวันตก แต่ตอนอายุ 30 ปี เขาป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะที่สาม รักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์บอกว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีก 2-6 เดือน ท่ามกลางความหดหู่ใจ ด็อกเตอร์ได้รับคำแนะนำให้ลองรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ และเปลี่ยนนิสัยการดื่มกินทั้งหมดเป็นแนวชีวจิต ภายในเวลา 6 เดือน เขามีเรี่ยวแรงกระปรี้กระเปร่าขึ้น และเมื่อ 9 เดือนผ่านไป ร่างกายสามารถต้านเซลล์มะเร็งได้สำเร็จ จุดประกายให้เขาอยากแบ่งปันความมหัศจรรย์ให้คนอื่นๆ จึงเข้าอบรมหลักสูตรการรักษาแนวธรรมชาติบำบัด กระทั่งได้ดุษฎีบัณฑิต และใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะด้านธรรมชาติบำบัดของสหรัฐอเมริกา
เพราะสามารถค้นพบหนทางพาตัวเองกลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้ง ด็อกเตอร์จึงตระหนักถึงความล้ำค่าของการมีสุขภาพที่ดี และตั้งใจเผยแพร่แนวคิดนี้ให้แพร่หลายที่สุด เพื่อช่วยผู้คนให้กลับมามีสุขภาพแข็งแรง วิถีธรรมชาติบำบัดตามแนวทางของด็อกเตอร์อู๋ เชื่อว่าคนเราทุกวันนี้ป่วยกันมาก เพราะลืมใส่ใจการใช้ชีวิต และมักคิดว่าโรคภัยต่างๆอยู่นอกเหนือการควบคุม ทั้งๆที่ความจริงแล้ว โรคภัยเข้าทางปากของเรา เพราะความเคยชินผิดๆในชีวิตประจำวัน ถ้าอยากได้สุขภาพแข็งแรงกลับคืนมา ก็ต้องพึ่งวิถีธรรมชาติเท่านั้น
คนไม่เคยป่วยหนักอาจไม่ซึ้ง แต่ลองได้ผ่านประสบการณ์เป็นตายเท่ากัน ต่อให้ต้องงมเข็มในมหาสมุทรก็ยอมทำ เพราะเข็ดแล้วที่ต้องนอนแน่นิ่งให้โรครุมเร้า ด็อกเตอร์ตั้งคำถามว่า คนเราทำไมถึงป่วย นอกจากความเสื่อมตามสังขาร เราป่วยกันมากเพราะกินสารพิษเข้าไปในร่างกายทุกวัน และตกค้างสะสมอยู่ในร่างกายขับออกไม่ได้ นานนับสิบๆปี ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ย่อมทำให้โรคถามหาแน่นอน
แนวทางนี้ต้องอาศัยความตั้งใจจริง สิ่งแรกที่ควรแก้ไขคือ เลิกซะนิสัยการกินดื่มเดิมๆ โดยเขาแนะนำให้เลี่ยงการกินอาหารปิ้ง-ย่าง-ทอด-ผัด, เลี่ยงเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมที่มีสารเร่งเจริญเติบโต, เลี่ยงอาหารประเภทแป้งแปรรูป, เลี่ยงอาหารเจือปนสารเคมี และอยู่ให้ห่างเครื่องไฟฟ้าพลังคลื่นสูง เช่น คอมพิวเตอร์ และมือถือ
ส่วนสิ่งที่ควรทำเพื่อให้โอกาสร่างกายได้มีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้ง คือการเดินตามแนวทางธรรมชาติบำบัด นอกจากออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อปรับการหมุนเวียนของโลหิต และการฝึกจิตให้สงบเพื่อปลดปล่อยความเครียด สิ่งที่ด็อกเตอร์เน้นที่สุดยังได้แก่ การใช้สารอาหารบำบัด โดยให้กินอินทรียสารจากพืช แปลง่ายๆคือกินผักผลไม้ตามธรรมชาติ ที่ปราศจากสารเคมีและยาฆ่าแมลง โดยเขาค้นคว้าทำเป็นตำรับน้ำผักผลไม้สูตรธรรมชาติช่วยชีวิต ที่เหมาะตามสุขภาพร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น บำรุงสุขภาพ, ป้องกันโรค, ป้องกันมะเร็ง, ชะลอความแก่, ขับสารพิษ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและระบบรักษาตัวเองให้แข็งแกร่ง แนะนำให้ดื่มวันละ 4-6 แก้ว นอกจากนี้ ยังต้องกินผักผลไม้หลากสีให้มากๆ โดยยึดหลักกินอาหารดิบคือผักผลไม้ตามธรรมชาติ 90% และอาหารปรุงสุก 10% ซึ่งอาจเป็นเนื้อไก่ต้มสุก ไข่ต้มสุก, ข้าวหุงพร้อมธัญพืช และถั่วต่างๆที่เพิ่งงอก (ไม่ใช่ถั่วงอก) อุดมด้วยโปรตีนถึง 51% เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากโปรตีนในถั่วปกติ และสูงกว่าเนื้อสัตว์ที่มีโปรตีน 30% ผู้ป่วยมะเร็งที่ทำเคมีบำบัดต้องการโปรตีนสูงมากควรกิน
ถือเป็นของขวัญปีใหม่ให้ตัวเองนะคะ สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง เวลาเจ็บป่วยใครก็ช่วยเราไม่ได้!!
มิสแซฟไฟร์

ที่มา http://www.thairath.co.th/content/554121

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น