วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557

การละเลยไม่ทานอาหารเช้าส่งผลข้างเคียงไม่ดีกับร่างกายเรา

ด้วยเวลาที่เร่งรีบอาจจะมองข้ามอาหารเช้าไปในแต่ละวันแต่รู้หรือไม่ว่า การละเลยไม่ทานอาหารเช้าส่งผลข้างเคียงไม่ดีกับร่างกายเราทำให้
-ผมร่วง
-หน้าแก่เร็ว
-คออักเสบง่า
-นอนไม่หลับ
-และเสี่ยงต่อการเป็นโรคความจำเสื่อม หรือ โรคอัลไซเมอร์
และ ช่วงเวลา 07.00-09.00 น. คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการรับประทานอาหารเช้า
อ่านต่อได้ที่ http://news.voicetv.co.th/viral/104293.html

วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2557

ไดเอทอย่างไร? ให้หน้าเรียวเล็ก

ไดเอทอย่างไร? ให้หน้าเรียวเล็ก  


สาว ๆ หลายคนพอน้ำหนักมีการขึ้นลง ส่วนที่เปลี่ยนแปลงนำไปก่อนเป็นอันดับแรกก็คือใบหน้านี่เอง ก็เลยพากันระวังเรื่องน้ำหนักขึ้นเอามาก ๆ เพราะแค่เข็มตาชั่งปัดขึ้นนิดเดียว หน้าก็บวมจนแทบจะมองไม่เห็นคางอยู่แล้ว และแน่นอนหากจะลดสัดส่วนเฉพาะที่ใบหน้าก็คงเป็นไปได้ยาก แต่หากสาว ๆ ได้ลองทำตามคำแนะนำที่หยิบมาฝากกันในวันนี้ก็จะช่วยให้คุณสาว ๆ ลดน้ำหนักได้พร้อมกับทำให้หน้าบวม ๆ เรียวเล็กลงเป็นอันดับแรกด้วย อ๊ะ ๆ อยากรู้แล้วล่ะสิว่าต้องทำยังไงบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

1. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร

          หากคุณเป็นคนดื่มน้ำน้อย รีบเปลี่ยนมาจิบน้ำบ่อย ๆ ให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตรเถอะค่ะ เพราะร่างกายที่ได้รับน้ำไม่เพียงพอ จะพยายามกักเก็บน้ำเอาไว้ภายในให้มากที่สุด สิ่งที่ตามมาก็คืออาการบวมน้ำที่มือ เท้า และใบหน้านั่นเอง หากดื่มน้ำได้พอดีกับความต้องการของร่างกาย ระบบภายในร่างกายก็จะทำงานได้ปกติ มีการกักเก็บและระบายน้ำออกมาอย่างสมดุล ไม่ต้องกลัวหน้าอูมด้วยอาการบวมน้ำแน่นอนค่ะ

2. ทานผักผลไม้แทนขนมขบเคี้ยว

          ลองเปลี่ยนพฤติกรรมทานขนบขบเคี้ยวระหว่างวัน มาเป็นการทานผักหรือผลไม้แทน นอกจากจะได้น้ำและความหวานตามธรรมชาติแล้ว ยังได้เซลลูโลสซึ่งทำให้อยู่ท้องไปจนถึงมื้ออาหาร ซึ่งจะช่วยให้คุณลดการบริโภคแป้งในอาหารมื้อนั้นได้ง่ายขึ้นด้วย และหากว่าคุณกลัวจะอ้วนจากน้ำตาลที่ได้จากผักและผลไม้แล้วล่ะก็ เลิกกังวลไปได้เลยค่ะ ในขนมที่เรามักจะทานกันนั้นมีน้ำตาลเยอะกว่าในผักผลไม้เป็นไหน ๆ แถมแคลอรี่ก็สูงกว่าเห็น ๆ ที่สำคัญคุณเคยได้ยินว่าใครอ้วนเพราะกินผลไม้หรือเปล่าล่ะ

3. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


          งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น เหล้า เบียร์ ไวน์ บรั่นดี ฯลฯ เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสำคัญของการบวมน้ำ แถมยังมีปริมาณแคลอรี่สูงกว่าเครื่องดื่มทั่ว ๆ ไปอีกด้วย

4. เสริมแคลเซียมให้ร่างกายมากกว่าที่เคย

          ในหนึ่งวันร่างกายต้องการแคลเซียมไม่ต่ำกว่า 1,000 มิลลิกรัม เพื่อช่วยให้กระบวนการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะได้แคลเซียมตามปริมาณที่ร่างกายต้องการจากนม 3 แก้ว หรือโยเกิร์ต 800 กรัม หรือได้จากการทานปลา ซึ่งปลากระป๋องเองก็ให้แคลเซียมได้ดีเช่นกัน รวมทั้งถั่วต่าง ๆ ก็ด้วย

5. ลดปริมาณพลังงานลงวันละ 500 แคลอรี่

          ในการลดน้ำหนักทุก ๆ 0.5 กิโลกรัม คุณต้องกำจัดพลังงานให้ได้ 3,500 แคลอรี่เลยทีเดียว เพราะฉะนั้น ลองเริ่มทำให้ได้จากวันละ 500 แคลอรี่ ดูก่อนก็ได้ค่ะ ซึ่งทำได้ง่าย ๆ โดยการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงานไปสัก 250 แคลอรี่ จากการเดินเร็ว 30 นาที หรือการออกกำลังกายหนัก 20 นาที และกำจัดอีก 250 แคลอรี่จากมื้ออาหารของคุณ โดยปรับเปลี่ยนจากพฤติกรรมทานของหวานหลังอาหารของตัวเอง เช่น อาจเปลี่ยนจากไอศกรีมเป็นโยเกิร์ตแช่แข็ง จากเค้กเป็นผลไม้อบแห้งแทน ลองทำกันดูนะคะ
 ขอบคุณข้อมูล  http://webboard.yenta4.com



วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2557

My Diet Course #Day3

My Diet Course #Day3
วันที่ 3 ของการเข้าคอร์ส

อาหารเช้า
1) กาแฟ 1 แก้ว ใส่นมสด
2) องุ่นดำ 10 เม็ด
3) มะม่วงอกร่องสุก 1 ลูก
4) น้ำเปล่า 1 ลิตร

...สู้โว๊ยยยย 55555







อาหารกลางวัน..
ร้านยำแซ่บ.. อิอิ ..พอดีเป็นวันเกิดของน้องที่เคยทำงานด้วยกัน..
ตะบะแตกจนได้.. แต่ไม่ได้ทานข้าวสวยนะแจ๊ะ แหะๆ
อาหารที่สั่งก็ตามภาพ..เอิ๊กกก
               

จริงหรือไม่!? "คอลลาเจน" คือทางลัดสำหรับคนอยากขาว

















จริงหรือไม่!? "คอลลาเจน" คือทางลัดสำหรับคนอยากขาว


นับวันวัฒนธรรมคลั่ง "ความขาว" จะยิ่งทวีความแรงมากขึ้น ผู้ผลิตหัวใสต่างก็รังสรรค์ผลิตภัณฑ์เสริมเอาใจผู้บริโภค ที่เคลมว่าขาวใสแน่นอนอย่าง "คอลลาเจน"  ใหม่ล่ามาแรง ทั้งแบบผง และแบบเม็ด รับประทานง่ายวันละครั้ง สวยไว ใสปิ๊งทันที

ทั้งยังซื้อง่าย - ขายคล่อง เดี๋ยวนี้คลิกเดียวส่งตรงถึงบ้าน สรรพคุณก็ชวนรับประทาน อาทิ ดื่มแล้วผิวเนียนกระจ่างใส , ช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจน ขาว ใส ใน 7 วัน , ผิวขาว หน้าใส เร่งด่วน เห็นผลภายใน 1 สัปดาห์ !! โดดเด่นด้วยคอลลาเจนเข้มข้น 10,000 มก. ไม่ต้องฉีดปลอดภัย 100%

โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็เป็นสาวๆ ซึ่งคนไทยอย่างเรามีผิวชนิด 3 - 5 ที่สร้างเม็ดสีได้ดี ผิวสวย ผิวแข็งแรง ริ้วรอยมาช้า มีเพียงแค่ปัญหาฝ้าเท่านั้นที่เกิดขึ้นได้ง่าย ซึ่งในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา "คอลลาเจน" ได้รับความนิยมอย่างสูงในฐานะสารสกัดบำรุงสุขภาพ บำรุงผิวพรรณ ผู้บริโภคเองก็เต็มใจซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมาบริโภค จนลืมคิดถึง "คุณค่า" ที่แท้จริง

นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ เผยว่า แท้จริงแล้วการกินคอลลาเจนไม่ได้ช่วยเรื่องผิวพรรณเลย เว้นแต่ว่าได้รับคอลลาเจนผ่านการฉีด หรือใช้เครื่องมือพิเศษผลักไออนนำคอลลาเจนเข้าไป ร้อยไหม หรือยิงเลเซอร์เข้าไปเพื่อกระตุ้นให้คอลลาเจนตื่นตัว

ผู้ผลิตจึงใช้กลยุทธ์จับคอลลาเจนมาคู่กับกลูต้าไธโอน ดึงดูดผู้บริโภคที่อยากเด้งเต่งตึงขาวใส เท่านั้นไม่พอยังโฆษณาขึ้นชื่อส่วนผสมอื่นๆ ที่ดูดีเข้าไปอีก เช่น ไกลซีน เปปไทด์ มิกซ์เบอร์รี่ แคลเซียม เป็นต้น

นพ.กฤษดา กล่าวอีกว่า คอลลาเจนมันคือตั้งแต่ ผม เล็บ เนื้อ หนัง กล้ามเนื้อ ล้วนเป็นคอลลาเจน สรุปง่ายๆ คอลลาเจนคือเนื้อตัวเรา นั้นก็คือโปรตีน มันก็มีอยู่ในสัตว์อื่นๆ ทั้งหลาย เวลาที่สกัดคอลลาเจนมามักจะโฆษณากันว่าคอลลาเจนผงจากปลาทะเลน้ำลึก หรือไม่ก็คอลลาเจนบริสุทธิ์ ผู้ผลิตต้องการสร้างกิมมิคให้สินค้าดูเป็นของล้ำค่า คอลลาเจนจากหอยเป๋าฮื้อ จากหอยมุก จากไข่ปลาคาเวียร์

เมื่อก่อนมีมาคอลลาเจนจากญี่ปุ่นที่มาใส่ในหม้อไฟ เรียกกันว่า กินคอลลาเจนสดๆ แต่พอแปรรูปเป็นผงไม่มีทางรู้เลยว่าผสมแป้งหรือมีสารปนเปื้อนอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ ส่วนใหญ่เน้นชูธงว่าเป็นคอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก ดังนั้นข้อเสียอย่างแรกคือ "แพ้" หากกินแล้วรู้สึกคลื่นไส้ถือว่าเป็นระดับอนุบาล แต่ถ้าแพ้รุนแรงจะบวมเป็นผื่นขึ้น ถึงขั้นแน่นหน้าอก หลอดลมตีบ หายใจไม่ออกได้ ยิ่งคอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก คนที่แพ้อาหารทะเลกินคอลลาเจนชนิดนี้จะเกิดอาการแพ้รุนแรง เตือนคนที่แพ้อาหารทะเล ต้องดูที่มาของคอลลาเจนด้วย

ข้อเสียที่เป็นของแถม ได้แก่ สารปนเปื้อน เพราะถ้าเป็นคอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก มักจะมีพวกโลหะหนักที่ติดมาจากทะเลน้ำลึก ได้แก่ พวกตะกั่ว ปรอท หรือพวกสารปนเปื้อนอื่นๆ

กรณีผู้บริโภคไม่แพ้ จึงกินทุกวันด้วยความหวังว่ากินแล้วสวย นพ.กฤษดา ระบุว่า ถ้ากินทุกวันไตทำงานหนักแน่นอน เพราะคอลลาเจนผ่านทางไต มันจะทำให้ไตทำงานหนักมาก นอกจากอาหารประจำวัน ยังต้องทำงานล่วงเวลาขับคอลลาเจนอีก ดังนั้นใครที่มีปัญหาเรื่องไต เป็นโรคไตไม่ควรกิน รวมทั้งคนที่อยากสวยแต่อายุเยอะแล้วต้องระวังมากๆ

ส่วนการกินแล้วขาวนั้น อาจเป็นเพราะการผสมกลูตาไธโอน หรือผสมสารปรอท ซึ่งสารปรอททำให้ขาวแน่นอน แต่ผลข้างเคียงเยอะมาก ทำให้ตับ ไต พังหมดเลยครับ ในระยะสั้นขาวจริง แต่ในระยะยาวเป็นผลเสียต่อร่างกายมาก ระยะยาวนั้นถ้าเป็นคนที่ไม่มีโรคประจำตัว แล้วรับประทานติดต่อกันประมาณ 1 ปี จะเกิดอาการไตวาย

แต่ทำไม! คอลลาเจนที่มีขายเกลื่อนเมืองขณะนี้ สรรพคุณออกจะเลิศ อย.ก็รับรอง ซึ่งตรงนี้เป็นเหตุให้ผู้บริโภคลังเลว่าแท้จริงแล้วมันเป็นยังไง นั้นก็คือการจด อย.หากจดในนามของอาหารและกรรมวิธีผลิตสะอาดถูกต้องตามมาตรฐานก็สามารถมีเลขที่ อย.ได้ไม่ผิดจุดประสงค์

นพ.กฤษดา เตือน มีเคสกินแล้ววูบ หน้ามืด ใจสั่น น่าจะเป็นผลข้างเคียงของกลุ่มยาขับปัสสาวะ (Diuretic) ที่ทำให้ปัสสาวะเยอะ และลดความดันบางตัว ตัวซีด จึงทำให้ดูขาวนั่นเอง เป็นอาการของ Orthostatic Hypotension

ผู้ที่เคยรับประทานคอลาเจนคนหนึ่ง เล่าว่า เวลาเปิดซองชงกิน จะมีกลิ่นคาวนิดๆ ออกรสเปรี้ยวหน่อยๆ มีให้เลือกหลากหลายรส ทั้ง ส้ม สตรอเบอรี่ องุ่น ซึ่งนพ.กฤษดา เผยว่า เหตุที่ต้องมีรสเปรี้ยวเนื่องจากใส่วิตามินซี เพื่อช่วยในการดูดซึมคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายได้ดี แต่ที่น่าเป็นห่วงคือเครื่องดื่มพวกนี้ส่วนใหญ่เค้าอยากให้คนติด เพราะฉะนั้น 2 สิ่งที่จะใส่เข้าไปคือ คาเฟอีน และน้ำตาล เมื่อดื่มจะรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ถ้าเป็นน้ำตาลฟรุกโตสยิ่งทำให้ติดหวาน และทำให้จุกตับ

แนะนำให้ทานคอลลาเจนจากธรรมชาติดีกว่า ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ กินปลาดิบแตะวาซาบิ หรือปลานึ่งมะนาว ก็ได้วิตามินซี แต่ถ้าเป็นคอลลาเจนผงสมมติกินไป 100 ได้จริงๆ ไม่ถึง 1 ด้วยซ้ำ และอย่างที่บอกเสี่ยงเกิดอาการแพ้ด้วย สร้างภาระให้ไตอีก ทั้งยังได้ของแถมพวกสารตะกั่ว ปรอท โลหะหนักพ่วงตาม

ข้อมูลทางการแพทย์ ระบุด้วยว่า ในปัจจุบันคอลลาเจนได้รับความสนใจในการใช้เป็นอาหารเพื่อเสริมสร้างสุขภาพผิวหนัง แต่ถ้าพิจารณาให้ละเอียดถึงภาวะร่วงโรยของผิวหนังที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดยั้งตามกาลเวลาแล้ว ก็พบว่าไม่มีอะไรที่จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างถาวร จึงควรดูแลผิวด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ทุกชนิด โดยเฉพาะบล็อกโคลี่ เพราะมีคอลลาเจนมาก บีทรูท แครอท ฟักทอง กล้วยน้ำว้า โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินซีซึ่งจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน

ที่สำคัญควรดื่มน้ำที่สะอาดให้มาก พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอควบคู่กันไป ละเว้นจากเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสม ไม่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงสภาวะที่มีฝุ่นและควันพิษต่างๆ รวมทั้งแสงแดดจัดๆ ในช่วงเวลา 9.30-15.00 น. ซึ่งจะทำลายผิว แม้จะเป็นวิธีการง่ายๆ แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่ชอบทำ มักอ้างว่าไม่มีเวลา ไม่สะดวก และไม่ทำอย่างต่อเนื่อง นิยมทางลัดหรือวิธีการสำเร็จรูป จึงเป็นจุดอ่อนให้ผู้ผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพทั้งหลายนำเอามาใช้ชวนเชื่อผู้บริโภค

ผู้สื่อข่าว : ทีมข่าวสปริงนิวส์
http://news.springnewstv.tv/33683/%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%99-%E0%B8%94%E0%B8%B5-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88-%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87

24-04-2014หมายเหตุประชาชน >> ‘คอลลาเจน’ เลือกใช้ให้ถูกวิธี สาว ๆ ที่กำลังคลั่ง “ความขาว–เต่งตึง–สวยใส” คงไม่มีใครไม่รู้จัก และไม่คุ้นเคยกับ “คอลลาเจน”
เพราะปัจจุบันในท้องตลาด มีผลิตภัณฑ์ความงามที่โฆษณาว่าทำมาจาก “คอลลาเจน” โดยเฉพาะ “คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก” ให้เลือกสรรมากมาย
โฆษณาชวนเชื่อ บอกสรรพคุณโดดเด่น ผู้บริโภคหลงเชื่อ ซื้อมาบริโภคกัน โดยไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์ที่แท้จริงของ “คอลลาเจน”
ดร.นพ.เวสารัช เวสสโกวิท แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง สถาบันโรคผิวหนัง และคณะกรรมการอำนวยการ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการรับประทานคอลลาเจน ว่า คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง พบมากที่เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่น เส้นเอ็น หลอดเลือด เป็นส่วนประกอบถึงร้อยละ 75 ของผิวหนัง มีหน้าที่ให้ความแข็งแรงและยืดหยุ่นกับอวัยวะ
โครงสร้างของคอลลาเจนมีลักษณะเป็นพันเกลียว 3 สาย แล้วพันทับกันอีกหลาย ๆ ชั้น ในส่วนไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน (Hydrolysed collagen) จะเป็นคอลลาเจนที่ผ่านกระบวนการย่อยบางส่วน มีหลาย ๆ ชื่อ
เช่น เจลาติน (collagen hydrolysate) คอลลาเจนเป็ปไทด์ เป็นต้น
รูปแบบของกระบวนการผลิตคอลลาเจน โดยทั่วไปจะใช้กรรมวิธีนำเอาหนังสัตว์มาแช่ในน้ำปูนประมาณ 3 เดือน ล้างเอาปูนออกด้วยน้ำ ทำการต้ม ทำให้แห้งแล้วบด
ปัจจุบันมีการโฆษณาตามสื่อว่า การดื่มหรือรับประทานคอลลาเจนที่ผ่านกระบวนการย่อยบางส่วนแล้ว (collagen hydrolysate) จะสามารถดูดซึมเข้าไปในร่างกายโดยไม่ผ่านกระบวนการย่อยในทางเดินอาหารอีก แล้วเข้าไปเสริมสร้างคอลลาเจนที่ผิวหนัง
แต่จากการวิจัยยังไม่สามารถตรวจคอลลาเจนที่รับประทานเข้าไปได้โดยตรง แต่อาศัยการตรวจกรดอะมิโนหรือเป็ปไทด์ซึ่งพบใน ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน เป็นหลัก
ดังนั้นจึงไม่เคยพิสูจน์ได้จริงว่าคอลลาเจนที่ดื่มเข้าไปถูกดูดซึมโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการย่อย
มีการวิจัยในสัตว์ทดลองชี้ให้เห็นว่า การรับประทานเป็ปไทด์ซึ่งประกอบด้วยกรดอะมิโนเพียงสองตัว มีเพียงร้อยละ 5 เท่านั้นที่ยังคงเป็นเป็ปไทด์อยู่  ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 95 ถูกย่อยจนหมด ดังนั้นการรับประทานคอลลาเจนเกือบทั้งหมดจะถูกย่อยก่อนดูดซึมในรูปของกรดอะมิโน
อาหารที่มีคอลลาเจนสูง จะพบมากในหนังสัตว์และเอ็น ดังนั้น อาหารที่ทำจากเอ็น เช่น คากิ หรือเอ็นตุ๋น จะเป็นอาหารที่อุดมด้วยคอลลาเจน แต่จะต้องผ่านการเคี่ยวให้เปื่อยนุ่มร่างกายจึงจะย่อยได้ดี
ส่วนอาหารสำเร็จรูปที่มีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบหลักได้แก่ เยลลี่ และ เจลาติน
และเนื่องจากคอลลาเจนมีโมเลกุลใหญ่มากจะต้องผ่านกระบวนการย่อยก่อนแล้วกลายเป็นกรดอะมิโน จึงจะดูดซึมได้ ดังนั้นคอลลาเจนจึงไม่สามารถผ่านผิวหนังได้เลย ทำได้อย่างมากก็แค่เคลือบผิวหนังด้านบนเท่านั้น การนำคอลลาเจนชนิดทามาใช้เสริมความงาม คอลลาเจนจะทำหน้าที่เคลือบผิว เป็นสารที่ให้ความชุ่มชื่นเท่านั้น
การฉีดสารคอลลาเจน เมื่อก่อนจะใช้คอลลาเจนจากวัวมาฉีดเป็นสารเติมเต็ม แต่เนื่องจากมีการแพ้สูง ปัจจุบันไม่มีการฉีดคอลลาเจนจากวัวแล้ว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังคงเห็นมีโฆษณาขายคอลลาเจนให้กับสาว ๆ ที่อยากขาว อยากเต่งตึง อยากสวยใส โดยมีหลากหลายผลิตภัณฑ์ให้เลือกใช้
สำหรับเรื่องนี้ ดร.นพ.เวสารัช กล่าวว่า “มีงานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าการรับประทานคอลลาเจนจำเพาะยี่ห้อ อาจทำให้ผิวดีขึ้น เช่น ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นสูงขึ้นและลดริ้วรอยที่เกิดตามวัย ทั้งนี้ ไม่เคยมี งานวิจัยว่า คอลลาเจนจำเพาะยี่ห้อจะทำให้ริ้วรอยดีขึ้นกว่าการรับประทานคอลลาเจนจากอาหารทั่วไปที่มีราคาถูก”.
ทีมเดลินิวส์ 38
article@dailynews.co.th

วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2557

"ผลเสีย ของการไม่ทานข้าวเช้า"

"ผลเสีย ของการไม่ทานข้าวเช้า" cr nesvita

My Diet Course #Day2

My Diet Course #Day2
วันที่ 2 ของการเข้าคอร์ส

อาหารเช้า  มีเพียงกาแฟ 2 แก้ว (ใส่นมสด 1 แก้ว) + น้ำเปล่า 1 ขวด (เย้ๆๆ ไม่หิวๆๆ)

อาหารกลางวัน ข้าวกล่องมังสวิรัติ(แกงคั่วหน่อไม้เต้าหู้+ผัดผักรวม) มะม่วงอกร่องครึ่งลูก (อืมมม เข้าคอร์สหรา?.. ชักสงสัย)

อาหารเย็น ผัดหมี่มังสวิรัติ(ซื้อมาตั้งกะตอนเที่ยงแล้ว) เห็ดต้ม+น้ำพริกกะปิ(เหลือจากเมื่อวาน- ยังดีอยู่)

ก่อนนอนหิวจนตาลาย(ประมาณ 3ทุ่ม) เลยเล่นน้ำเต้าหู้ 1 กล่อง 300 cc. (น้ำตาลน้อย) + ขนมข้าวพอง(จีน) 2 ชิ้น อ๊ากกกส์ส์ ท่าจะไม่รอด .. ยังมองไม่เห็นอนาคตของหุ่นเพรียวเลย!!

My Diet Course #Day1

23-04-2014 : เข้าคอร์สวันที่ 1

อาหารเช้า เตรียมผลไม้มา 4 ชนิด แอปเปิ้ลแดง 1 แอปเปิ้ลเขียว 1 แครอท 1 หัว องุ่นดำ 8 เม็ด

ผลออกมา คือ กาแฟ 2 แก้ว(แก้วหนึ่งใส่นมสดด้วย) แอปเปิ้ลแดง 1 แครอท 1 องุ่นเกลี้ยง (ไหวป่ะนี่?)

อาหารกลางวัน ข้าวกล่องมังสวิรัต ( ผัดเปรี้ยวหวานเจ+ผัดกุ๊ยไช่ใส่เต้าหู้ ) เต๊นท์ตรงข้ามที่ทำงาน (ตะบะแตกจนได้)

อาหารเย็น ไข่ต้ม 2 ฟอง (กินแต่ไข่ขาว) น้ำพริกกะปิ+เห็ดต่างๆต้มสุก ส้มตำปูม้า (ไปไกลแระ 555)

อาหารตอนดึก (เริ่มทนไม่ไหว คริๆ) ขนมข้าวพอง(จีน) 2 ชิ้น+น้ำเต้าหู้กล่อง ที่มีน้ำตาลน้อย(ยังดีนะ)

ผ่านไป 1 วัน (แทบตาย งือๆๆๆ)

ดื่มน้ำวันละ 3 ลิตร

24-04-2014: สตรีชาวอังกฤษทดลองดื่มน้ำวันละ 3 ลิตร ผ่านไป 4 อาทิตย์ผลก็คืออย่างที่เห็น! cr.postjung

วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2557

กั้งผัดพริกเกลือ


กั้งผัดพริกเกลือ มาเต็มคำในราคา 280 บาท อร่อยเด็ดระดับ 7 ดาว ที่ร้านเลิศรส ใต้ร่มมะเฟือง เชียงใหม่ cr. : 21-04-2014

วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557

วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2557

แกงคั่วเงาะในมะพร้าวอ่อน


ท่านเป็นผู้คิดค้น'น้ำพริกลงเรือ'

นอกจากเจ้าจอมสดับจะมีพระสิริโฉมงดงามแล้ว
ยังมีเสียงที่ไพเราะและเก่งเรื่องการเรือนด้วย 
ท่านเป็นผู้คิดค้น'น้ำพริกลงเรือ'

แพนเค้กกล้วย-สับปะรด


แพนเค้กกล้วย-สับปะรด หอมฟินมาก แป้งนุ่มนิ่ม มีน้ำผึ้งให้เรามาราดเองได้ไม่อั้น 90บ. ร้านสวัสดี ซ.รามบุตรี



10 เสน่ห์ผู้หญิงควรมี เพราะหนุ่มๆ มองหา!


10 เสน่ห์ผู้หญิงควรมี เพราะหนุ่มๆ มองหา!


16 เมษายน 2557 เวลา 16:15 น.


10. เป็นกองหลังที่ดี

หนุ่มๆ ก็ต้องการกำลังใจและคนสนับสนุนที่ดีเช่นกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม เพราะทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจ มีพลังในการทำสิ่งต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องงานเพราะสิ่งนี้เป็นเหมือนอนาคตของพวกคุณด้วย ถ้าหากสาวที่ชอบมีความเห็นแตกต่างนอกจากจะทำให้มีปากมีเสียงกันบ่อยครั้งแล้วยังบั่นทอนกำลังใจให้น้อยลงด้วย

9. ดูแลเขาได้


คำว่าดูแลในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องหาเลี้ยงหรือกลายเป็นผู้นำครอบครัว แต่เป็นการช่วยดูแลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้กับเขา อย่างเช่น คอยทำกับข้าวให้ทาน รีดเสื้อผ้าให้ หรือเป็นห่วงความรู้สึกเท่านั้นเอง เพราะเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถทำได้และทำให้รู้สึกว่ากลายเป็นคนสำคัญในชีวิตของสาวๆ นอกจากนี้ยังสามารถดูแลเรื่องอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง

8. เข้ากับคนอื่นง่าย


นิสัยตรงจุดนี้ค่อนข้างสำคัญมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะในเวลาที่เขารู้สึกว่าอยากจะพาสาวคนนั้นไปทำความรู้จักกับครอบครัวของตัวเอง เพราะสาวประเภทนี้จะรู้วิธีที่จะเข้าหาคนอื่นก่อนและปรับตัวเก่งรู้ว่าสิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำ ซึ่งสามารถทำให้พ่อแม่ของพวกเขาสามารถประทับใจได้ตั้งแต่แรกเห็น และไม่มีปัญหาอื่นๆ ตามมาภายหลังน้อยกว่า

7. วางตัวแบบผู้ใหญ่


สาวขี้อ้อนทำตัวแบบเด็กอาจจะดูน่ารักในช่วงแรกๆ แต่คงไม่ใช่คนที่พวกเขาจะสานสัมพันธ์ด้วยในระยะยาวอย่างแน่นอน เพราะในชีวิตแต่ละวันต้องเจอกับปัญหามากมายทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน ฉะนั้นสาวๆ ที่พวกเขาต้องการควรจะรู้จักวางตัวแบบผู้ใหญ่เป็นเพื่อนช่วยคิด และคอยเป็นที่พึ่งพาด้วยในบางครั้งไม่ใช่งอแงเอาแต่ใจแบบเด็กๆ ทำให้เหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

6. รักเดียวใจเดียว


ถึงแม้หนุ่มๆ จะมีนิสัยเจ้าชู้อยู่ในตัว แต่เมื่อพวกเขารักใครจริงๆ แล้วก็จะไม่มองคนอื่นอีกเลย ซึ่งพวกเขาก็ต้องการให้สาวๆ ทำแบบนี้เช่นเดียวกัน และคงทนไม่ได้หากรู้ว่าสาวคนรักของตัวเองแอบคบคนอื่นไปพร้อมกันด้วย นอกจากนี้สาวที่เขาจริงจังด้วยควรจะเป็นคนที่พร้อมจะยืนเคียงข้างเสมอทั้งในเวลาทุกข์และสุข

5. เข้าใจง่าย


อย่างที่รู้กันดีว่าหนุ่มๆ ไม่ชอบพูดอธิบายอะไรมากและถ้าหากมีปัญหาก็ต้องการจะเคลียร์ให้จบภายในครั้งเดียว เพราะความคิดพวกเขาไม่ได้ซับซ้อนคิดมากอย่างสาวๆ หลายคนคาดเอาไว้ นอกจากนี้พร้อมที่จะทำความเข้าใจเขาด้วยเวลาที่เขาไม่มีเวลาให้ ผิดนัดบ้างในบางครั้ง หรือมีนิสัยบางอย่างที่ทำให้สาวๆ ไม่พอใจ

4. ความอิสระ


ไม่ว่าหนุ่มๆ จะรักสาวคนนั้นมากแค่ไหนก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังต้องการพื้นที่ส่วนตัวด้วยอยู่ดี ฉะนั้นสาวที่จะโดนใจได้ก็ควรจะมีความรักอิสระ สามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวในเวลาที่เขาต้องการความเป็นส่วนตัว อย่างเช่น รู้จักแบ่งเวลาให้กับครอบครัว หรือนัดแนะกับเพื่อนๆ ออกไปช้อปปิ้งหรือแฮงก์เอาท์กันบ้างในบางเวลา ไม่ทำตัวติดเขามากเกินไปจนทำให้รู้สึกอึดอัด


3. ดูดีตั้งแต่ภายนอก

ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนส่วนใหญ่มักจะตัดสินคนอื่นจากภายนอกก่อนเสมอ เพราะฉะนั้นถึงแม้จะไม่ชอบตามแฟชั่นสักเท่าไหร่ แต่ก็ควรดูแลตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าให้สะอาดสะอ้าน เรียบร้อยสมกับเป็นนิสัยในแบบฉบับของผู้หญิง และถ้าหากเป็นไปได้ควรดูแลรูปร่างตัวเองประกอบกันไปด้วย เพื่อลุคที่ดูดีและสุขภาพแข็งแรงของตัวเอง

2. รู้จักคิด

นอกจากหนุ่มๆ จะชอบสาวที่มีความมั่นใจแล้ว ก็ควรจะคิดเป็นและทำในสิ่งที่เหมาะสมด้วย ตั้งแต่การแต่งตัวไปจนถึงการเข้าสังคม ทั้งกลุ่มเพื่อน ครอบครัว หรือคนอื่นๆ และสามารถคุยในเรื่องที่เขาสนใจได้ ถึงแม้ไม่ได้รู้ลึกรู้จริงอย่างพวกเขา แค่มีข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ มาแลกเปลี่ยนกันฟังเขาพูดรู้เรื่องได้ก็พอ เช่น กีฬา เทคโนโลยี เกม เป็นต้น

1. ความมั่นใจ

สาเหตุที่หนุ่มๆ ชอบมองสาวสวยแต่งตัวเซ็กซี่ไม่ได้เป็นเพราะรูปกายภายนอกของพวกเธอที่ดึงดูดสายตาเท่านั้น แต่ความมั่นใจในตัวเองของพวกเธอก็มีส่วนด้วยเช่นกัน ซึ่งความมั่นใจที่ว่านี้ทำให้พวกเขารู้สึกว่าเข้าหาได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจ ถามคำตอบคำหรือคอยตามใจพวกเขาไปเสียทุกอย่าง อีกทั้งในเวลาที่รู้สึกท้อแท้และต้องการกำลังใจก็สามารถจะพึ่งพาสาวประเภทนี้ได้

เนื้อหาจาก : www.toptenthailand.com via http://news.springnewstv.tv/46579/10