วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554
ร้านอาหาร "สโมสรราชพฤกษ์"
ชื่อบทความ: พักผ่อนหย่อนพุง พาเข้า"สโมสรราชพฤกษ์"อาณาจักรคนมีเงินชิม "ซุปปลาหิมะ-เนื้อกวางพริกไทยดำ"
โดย พี่พุงหลามกับน้องพุงล้น
ปลาเก๋าซอสฮ่องกง
พล่าคอหมู
โซน "คอฟฟี่ ช็อป"บุคคลทั่วไปใช้บริการได้
เมื่อไรที่นึกอยากจะไปหาของกินในภัตตาคาร ห้องอาหาร เข็มทิศจะชี้ไปที่ใจกลางเมืองทุกที ต้องชั่งใจดูระหว่างอาหารมื้อสำราญ กับการจราจรอึดอัดจุกแน่นเต็มถนนจนถอดใจทุกครั้งไป
เมืองหลวงทุกวันนี้จะหาร้านบรรยากาศดี อาหารอร่อย ปลอดมลพิษหายากเต็มทน อาจจะมีบางร้านที่จำแลงเปลงกายเป็นสวนหย่อมข้างกำแพง ข้างตึก มองได้สุดลูกหูลูกตาแค่ระยะ 5 เมตร
เมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ทีไรก็แห่กันออกนอกเมืองไปสูดบรรยากาศแถบชานเมือง มองหาร้านริมน้ำทุ่งกว้าง หรือปีนขึ้นไปกินบนตึกสูง เพื่อจะได้มองวิวทิวทัศน์จนเห็นเส้นขอบฟ้าเพื่อผ่อนคลาย หลังจากใช้ชีวิตที่ตึงเครียดมาตลอดทั้งสัปดาห์แวะหาธรรมชาติบ้าง
พี่พุงหลามกับน้องพุงล้นจะพาทุกท่านไปสูดออกซิเจนแบบเต็มร้อยสูดเต็มปอด ในบรรยากาศธรรมชาติสร้างสรรค์เองแบบผู้ดีมีสตางค์ (ไม่มาก) ย่องเข้าอาณาจักรผู้มากสตางค์มากได้ภายใน "สโมสรราชพฤกษ์" ริมถนนวิภาวดีรังสิต ในโครงการ "นอร์ธปาร์ค" เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าเยี่ยมชม ใช้บริการในคลับราชพฤกษ์ในพื้นที่(จำกัด) โดยไม่ต้องควักเงินแสนเงินล้านจ่ายค่าสมัครชิก แต่ก็มีพื้นที่จำกัดที่เขาเปิดให้เขาไปสัมผัสกับ ต้นไม้ ใบหญ้า สระน้ำ เบิกบานตา และอิ่มเอมไปกับอาหารรสเลิศระดับห้องอาหารในโรงแรมราคาประหยัดที่แสนจะอร่อย "อร่อยจริงๆ ไม่ได้โม้.."
หลังจากพี่"พุงแฟบ"ชวนไปชิมอาหารในสโมสรแห่งนี้พร้อมกับบอกว่า "อาหารอร่อยมาก" จึงอดไม่ได้ที่จะต้องแวะไปชิม เมื่อขับรถเข้าไปในโครงการ "นอร์ธ ปาร์ค" สโมสรราชพฤกษ์ จะอยู่ทางขวามือ เมื่อเลี้ยวรถเข้าไปแล้วจะพบสนามหญ้ากว้างมองไกล สุดลูกหูลูกตาได้ มีต้นไม้แซมประดับเป็นจุดๆ มองเห็นลำธาร(คลองขุด)สายเล็กๆ คดเคี้ยวพาดด้วยสะพานไม้โค้งรับกันได้อย่างลงตัว
เมื่อเข้าใกล้สโมสรจะเริ่มมองเห็น สนามกอล์ฟ ขนาด 18 หลุม มีสโมรสรกอล์ฟคลับด้านซ้ายมือ(เข้าได้เฉพาะสมาชิก)และภายในมีสนามกีฬาชนิดต่างๆ อีกมากมาย อาทิ สนามฟุตบอล บาสเก็ตบอล สระว่ายน้ำระดับมาตรฐานโอลิมปิก คอร์ทแบตมินตัน เทนนิส ปิงปอง ฯลฯ รวมสนามกีฬาเกือบทุกชนิดกีฬาในพื้นที่กว่า 360 ไร่ ที่เล่ามาทั้งหมดคนทั่วไปไม่มีสิทธิ์เข้าไปใช้บริการได้
แต่ทางด้านขวามือที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับกอล์ฟคลับ เป็น "คอฟฟี่ ช็อป"และอีก 2 ห้องอาหาร เปิดบริการสำหรับบุคคลภายนอกได้ และวันนี้จะพาไปชิมอาหารที่ คอฟฟี่ ช็อป เปิดตั้งแต่ เวลา 06.00 - 22.00 น. มื้อกลางวันมีเมนูบุฟเฟต์ ราคาหัวละ 250+ กับอาหารกว่า 10 อย่าง ที่คัดคุณภาพเนื้อๆเน้นๆอิ่มแน่นๆแน่ๆ แต่ถ้าใครที่เลือก "ตามใจฉันไม่ตามใจเชฟ" ก็มีเมนูให้เลือกมากมายทั้ง อาหารไทย อาหารฝรั่ง
บรรยากาศห้องอาหารไม่ต่างจากระดับโรงแรม มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่โตมโหฬารอยู่ข้างๆ มีบริกรคอยบริการไม่ห่าง พี่พุงหลามกับน้องพุงล้นไปถึง คอฟฟี่ ช็อป เป็นเวลาบ่ายแก่ๆแล้ว ไม่ทันได้ชิมบุฟเฟต์จึงต้องเปิดเมนูสั่งอาหาร ตามคำแนะนำของผู้ชักชวนและเลือกอาหาร 4-5 อย่าง มาลองชิมดูว่า "กินแล้วอยากจะตายอยู่หน้าจาน" สมคำล่ำลือหรือไม่
กุ้งลอยแพ
"กุ้งทอดลอยแพ" บานมาเต็มจานสีเหลืองนวลกุ้งฝอยคุณภาพตัวไม่แดง ไม่ซีด นอนเรียงกันในแพกลมๆมีตาโผล่ออกมาเป็นจุดเล็กๆมีดำเหมือนงาดำ แค่สีก็ชนะเลิศแล้ว แค่ใช้ช้อนตักแยกกุ้งออกจากแพเสียงกรุบกรอบพอกัดกินกรอบ อร่อย เคี้ยวเพลิน หรือจะเอาลงไปจุ่มในน้ำจิ้มก็จะเพิ่มรสชาติกลมกล่อม ทำให้แพกุ้งหวานขึ้นมาอีกนิดหน่อยแต่ไม่เสียรสชาติ
ส้มตำ
ตามด้วย "ส้มตำ" ขอสอง จานเดียวไม่เคยพอจริงๆ หลังจากมีคำเตือนจากคนแนะนำว่าต้องขอ 2 รสชาติไม่ต้องพูดถึงผ่านตลอด จุดเด่นอยู่ที่จานแรกกับจานที่ 2 มีรสชาติคงที่ทั้ง กลิ่น พริก มะนาว เครื่องปรุง ที่คลุกเคล้ากับเส้นมะละกอโชยออกมาจากจานชวนให้น้ำลายหยดติ๋งๆ
เนื้อกวางพริกไทยดำเห็ดเข็มทอง
เมนูประจำเดือน ม.ค.-ก.พ. "เนื้อกวาง" เลือกเมนู "กวางผัดพริกไทยดำ" ถ้ามองเนื้อกวางในจานก็เหมือนเนื้อหมูเนื้อวัว แต่พอตักเข้าปากเคี้ยวแล้วจะรู้ว่าไม่ใช่เนื้อแบบทั่วๆไป ซึ่งบรรยายไม่ถูกว่าอร่อย ถูกปากแค่ไหน กลิ่นพริกไทยดับกลบกลิ่นคาวจนหมดสิ้น เนื้อที่นุ่มลิ้นคาดว่า คงเป็นกวางรุ่นๆที่ผ่านกระบวนการหมักที่เยี่ยมยอด ริ้วเนื้อขนาดเล็กไม่ห่างบอกอายุไม่น่าเกิน 10 ขวบ ผัดพร้อมกับเห็ดเข็มทอง เนื้อกวางไม่เหนียวไม่ต้องเสียเวลาเคี้ยวให้เมื่อยปากทึ้งกินเนื้อกวางให้ลำบาก
ซุปขิงปลาหิมะ
มาชิมซุปกันบ้างระดับ "สโมสรราชพฤกษ์" ต้อง "ซุปขิงปลาหิมะ" ชิ้นปลาขาวนวลลอยอยู่ในน้ำขิงที่โชยกลิ่นมาแต่ไกล มีเห็ดหอมแซมมาในชามและโรยขิงซอย ต้นหอม รสชาติกลมกล่อมทั้งหอมทั้งอร่อยในชามเดี่ยว ซดน้ำเข้าไปแล้วรู้สึกโล่งคอโล่งจมูกอย่างบอกไม่ถูก เพราะดูจากน้ำซุปที่เคี่ยวมานานจนได้ที่ เนื้อปลาหิมะที่ไม่เละ ไม่คาวต้องยกความดีความชอบให้เชฟมือฉมัง สามารถตกปลาหิมะสดๆ มาเสิร์ฟถึงโต๊ะได้แบบสมบูรณ์และอร่อยจริงๆ
ไว้คราวหน้ามีโอกาสจะสัมภาษณ์เชฟครัว "สโมสรราชพฤกษ์" จะไปขอเคล็ดลับ เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย ในการปรุงอาหารให้อร่อย วิธีการคัดสรรวัตถุดิบ และอาหารอันโอชะ ซ่อนอยู่ในบรรยากาศเลิศหรู ส่วนราคาอาจจะไม่ย่อมเยาแต่พอจ่ายได้ อาจจะใช้คำว่าไม่แพงได้ในบางเมนู เมื่อเทียบกับคุณภาพของอาหารแล้ว
ห้องอาหารนี้เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการพาลูกหลานหรือปู่ยาตายายมากินอาหารนอกบ้านเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีเมนูสำหรับทุกเพศ ทุกวัย พอท้องอิ่มแล้วทางสโมสรยังใจดีให้เดินชมสนามกอล์ฟย่อยอาหารและสูดอากาศบริสุทธิ์ในเขตเมืองได้เต็มปอด สัมผัสกับบรรยากาศยามเย็น ท่ามกลางสนามกว้างขวางเหมือนเดินอยู่ในทุ่งหญ้า เต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่น ชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าก่อนเข้าสู่ยามราตรี สายลมพัดเอื่อยๆ ในช่วงอากาศเย็นสบายเช่นนี้ ต้องรีบกอบโกยก่อนที่ลมเย็นจะจากไป
เกือบลืมบอกไปว่าคนรวยเขาไม่พกเงินกัน แค่บอกรหัสสมาชิกก็วิ่งเล่นว่ายกินอิ่มกันแล้ว ทางสโมสรจะส่งบิลไปเก็บทีหลัง ส่วนบุคคลภายนอกที่เข้าไปใช้บริการก็ไม่ต้องใช้เงินสดเหมือนกัน เพราะเขาจะรับบัตรเครดิตเท่านั้น ..
ที่มา: มติชนออนไลน์ (update: วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 08:00:51 น.)
วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554
ร้านอาหาร: "เรือนเพชร" สุกี้น้ำไก่ไดมารูเต้าหู้ยี้โบราณ
พักผ่อนหย่อนพุง - "เรือนเพชร" สุกี้น้ำไก่ไดมารูเต้าหู้ยี้โบราณ
ได้ยินชื่อเสียง ร้านสุกี้ "เรือนเพชร" มานานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสไปทานสักที หลังจากตั้งท่ารอโอกาสอยู่นาน ก็ตั้งใจมุ่งหน้าไปกินอย่างจริงจัง เริ่มต้นจากสถานีรถไฟใต้ดินเพชรบุรี โผล่ขึ้นมาบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ก่อนหาทางไปยังร้านสุกี้ ถ้าเลือกนั่งมอเตอร์ไซค์วินก็ราคา 20 บาท ซิ่งไปจอดหน้าร้านเลย ส่วนคนขับรถมาเอง ถ้ามาจากแยกอโศก-เพชรบุรี ร้านสุกี้"เรือนเพชร"ร้านค่อนข้างมีอายุอยู่ทางซ้ายมือ ตรงข้ามโรงเรียนอมารี เอเทรียม
ร้านนี้แบ่งเป็นสองโซน มีทั้งโซนอุณหภูมิธรรมชาติ และโซนติดเครื่องปรับอากาศ และยังมีที่นั่งบนชั้นสองอีก แต่วันนี้เราขอเลือกนั่งในโซนเย็นแล้วกัน ก่อนจะเปิดเมนูสุดคลาสสิคเล็งเลือกอาหารลงหม้อ เห็นราคาก็บอกได้เลยว่า ราคาของที่นี่ ถูกกว่าร้านสุกี้ชื่อดังอยู่มาก ผักจานละสิบกว่าบาท ส่วนเนื้อสัตว์ราคาเริ่มต้นที่ 30 บาทเท่านั้น ถ้าไม่อยากสั่งเป็นจานๆ ก็สั่งเป็นชุดได้ มีทั้งชุดเนื้อ หมู ไก่ ราคาชุดละ 100 กว่าบาท เราเลือกสั่งชุดทะเลมา พร้อมสั่งเนื้อสัตว์และผักเพิ่มเติมอีกหลายจาน
ระหว่างรอ เราก็นั่งดมกลิ่นน้ำซุปหอมฉุยลอยออกมาจากหม้อไฟฟ้า ไม่นาน ชุดทะเลในจานเหล็กก็ปรากฎตรงหน้าเรา สมแล้วชื่อว่า "ชุดทะเล" มีทั้งเนื้อปลา ปลาหมึกสด ปลาหมึกกรอบ แมงกระพรุน หอยนางรม ลูกชิ้นกุ้ง และกุ้งทะเลตัวใหญ่ ราดด้วยไข่ไก่และสมุนไพรสูตรเด็ดเฉพาะของร้าน
มีเคล็ดลับอยู่ว่า เราต้องเอาเนื้อสัตว์ที่สั่งมาทั้งหมดคลุกเคล้าให้เข้ากันในจานนี้ ก่อนเทลงหม้อครั้งเดียว โดยระหว่างนั้น เราต้องนั่งเฉยๆ ห้ามยุ่งกับหม้อเด็ดขาด
ไม่นาน น้ำซุปเดือดปุดๆ ถึงเวลาส่งพวกเนื้อจุ่มน้ำจิ้มสุกี้"เรือนเพชร"ในถ้วยเล็ก น้ำจิ้มที่นี่เป็นน้ำจิ้มเข้มข้นตามสูตรเด็ดดั้งเดิมของเจ้าของร้านมากว่า 40 ปี ทำจากเต้าหู้ยี้ผสมพริกสดและผักชี บอกได้คำเดียวว่า เข้มข้นถึงใจ
เห็นโต๊ะข้างๆ สั่งไก่ทอดสีแดงอมชมพูดูน่ากิน จึงสั่งมาลิ้มลองบ้าง พนักงานบอกว่าชื่อ "น่องไก่เรือนเพชร" เป็นอาหารขายดีประจำร้าน ส่วนมากลูกค้าสั่งทุกโต๊ะ ได้ข่าวว่าอาหารชนิดนี้เปลี่ยนชื่อมาจาก "น่องไก่ไดมารู" คาดว่าตั้งชื่อตามห้างดังที่มีบันไดเลื่อนแห่งแรก แนะนำทานน่องไก่เรือนเพชรคลุกเคล้าบะหมี่หยก ผสมน้ำราดได้รสชาติอร่อยพอดี
นอกจากนี้ เรายังได้สั่ง "ฮ่อยจ๊อปู" มาทานเล่นด้วย พอกัดคำแรกก็ได้รสสัมผัสของเนื้อปูรสหวาน เชื่อได้ว่าทำจากเนื้อปูสดจริง ทานแกล้มกับน้ำจิ้มบ๊วยเจี่ย และผักดองตัดเลี่ยน
ตั้งหน้าตั้งตาทานกันสุกี้กันจนหมดหม้อ เหลือแต่น้ำซุป ถ้าใครจะสั่งข้าวสวยมาเทใส่ คงได้ข้าวต้มข้นน้ำหวาน ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้สารอาหารครบถ้วนจากน้ำซุปต้มเนื้อสัตว์และผักนานาชนิด
จ่ายค่าเสียหายมื้อนี้ด้วยแบงก์ไม่กี่ใบ สบายกระเป๋าไปเยอะ สุกี้โบราณ ราคาก็โบราณอย่างนี้แหละ ..
ร้านอาหาร: ลาบวุ้นเส้นล้านนา ร้านศรีนวล เชียงใหม่
จานเด็ด 77 จังหวัดขึ้นเหนือมาเชียงใหม่ มาชิม 'ลาบ'
ขึ้นชื่อว่าลาบ หลายคนเคยรับประทาน มีทั้งภาคเหนือและภาคอีสาน รสชาติไม่แตกต่างกันมากนัก
วิชัย ทาเปรียว ข่าวสดเชียงใหม่ แนะนำเมนูอาหารลาบอีกรสชาติหนึ่งคือ "ลาบวุ้นเส้นล้านนา" ของร้านศรีนวล อ.เมืองเชียงใหม่
นางศรีนวล ฟองคำ เจ้าของร้านบอกว่า เปิดร้านมานานกว่า 2 ปีแล้ว ใช้พื้นที่บ้านของตนเองเปิดร้านอาหารตกแต่งแบบธรรมชาติ ปลูกต้นไม้นานาชนิด จนร่มรื่นเย็นสบาย ทำน้ำตกเล็กๆ กระจายทั่วบ้านหลายจุด ช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย
หลักๆ ของร้านคือเป็นร้านอาหารตามสั่ง แต่พอลูกค้าเพิ่มมากขึ้นจึงหาเมนูแปลกๆ ใหม่ๆ มากขึ้น จนได้เมนู "ลาบวุ้นเส้น" รสแซบ
ส่วนประกอบต่างๆ มีเหมือนเครื่องปรุงลาบทั่วๆ ไป หากทาน 2 คน มีวุ้นเส้นลวก 1 หยิบมือ หมูสับ 1 ขีด หอมแดง 4 หัวซอยบางๆ สะระแหน่ซอย 2-3 ยอด ผักชีฝรั่งซอย 2-3 ใบ ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น
ที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ พริกลาบ หรือน้ำพริกลาบ บางคนก็เรียกน้ำพริกดำ เพราะมีสีดำของพริกแห้งย่างไฟ ได้มาจากตำพริกแห้งกับเครื่องเทศต่างๆ เช่น ลูกจันทน์เทศ ดีปลี อบเชย โป๊ยกั้ก กานพลู กระวาน ฯลฯ เหยาะเกลือเล็กน้อย เป็นเครื่องปรุงหลักในการทำลาบ
เติมพริกลาบลงไป 2 ช้อนโต๊ะ ทั้งหมดคลุกเคล้าให้เข้ากัน เหยาะน้ำปลา เติมน้ำตาลปรุงรส ตักใส่จาน ตกแต่งจานด้วยผักสลัด รับประทานกับเครื่องเคียง ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว หรือผักตามฤดูกาล
ลาบวุ้นเส้นร้านศรีนวล เหมาะสำหรับผู้ต้องการรักษาสุขภาพ หรือควบคุมน้ำหนัก โดยไม่ใส่หมูสับลงไปผสม
สนใจไปชิมอาหารตามสั่งขึ้นชื่อที่ร้านศรีนวล หาไม่ยากอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ เลขที่ 5/2 ถนนราชเชียงแสน ซอย 3 ต.หายยา อ.เมือง หรือเข้าทางซอยวัดเมืองมางอยู่ตรงข้าม วัดพอดี สอบถามเส้นทางไปร้านได้ที่ เบอร์โทร. 08-4614-3284 เปิดบริการตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น.ทุกวัน
ที่มา: ข่าวสดรายวัน หน้า 21 (update: วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7358)
วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554
ข้าวหน้าทะเลสูตร40ปี ร้านปาท่องโก๋ บางลำพู
ข้าวหน้าทะเลสูตร40ปี ร้านปาท่องโก๋ บางลำพู
อิ่มอร่อย
มีชื่อร้านบ่งบอกว่าแจ้งเกิดด้วย "ปาท่องโก๋" อย่างชัดเจน
ร้านปาท่องโก๋ ตั้งอยู่บนถนนสิบสามห้าง ย่านบางลำพู ตอนนี้ไม่ได้มีแค่ปาท่องโก๋ ยังมีอาหารจานเดียวไว้บริการ พร้อมกับขนมที่สร้างสรรค์เพิ่มเติมจากปาท่องโก๋
คุณฐิติกร โชคะสุต เจ้าของร้าน กล่าวว่า ทำปาท่องโก๋เป็นอาชีพ มากว่า 60 ปี ทำมาตั้งแต่ รุ่นคุณพ่อ จนทำให้ปาท่องโก๋ของที่ร้านมีชื่อเสียง มานาน ร้านแรกตั้งอยู่ที่สน.ชนะสงคราม ก่อนที่จะย้ายมาตั้งอยู่ที่ปัจจุบันนี้
สำหรับสูตรปาท่องโก๋ของทางร้านเป็นของดั้งเดิมจากประเทศจีน ที่คุณพ่อได้รับมาจากรุ่นคุณปู่ ที่มีอาชีพขายปาท่องโก๋อยู่ประเทศจีน หลังจากมาที่ประเทศไทยก็มายึดอาชีพขายปาท่องโก๋ จนถึงปัจจุบันซึ่งมีการพัฒนาสูตรที่เหมาะกับสมัยนี้
ความอร่อยของปาท่องโก๋ที่ร้านอยู่ที่แป้ง เครื่องปรุง และการนวดที่ได้จังหวะน้ำหนักพอดี ควบคู่กับเวลาที่นวดและการหมักแป้ง จึงทำให้ปาท่องโก๋ของทางร้านกรอบนุ่ม กินคู่กับอะไรก็อร่อย
คุณฐิติกร กล่าวว่า คนจีนสมัยก่อนมักจะกินปาท่องโก๋แต่ในช่วงเช้าเท่านั้น หากกินเวลาอื่นก็ถือว่าแปลก ทางร้านจึงมีความคิดต่างจากคนอื่น โดยเริ่มจากมีการขายข้าวเป็นอาหารจานเดียว ควบคู่ไปกับการขายปาท่องโก๋ และเริ่มขายปาท่องโก๋ในช่วงเย็น ขายไปเพียง 1 สัปดาห์ ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าจำนวนมาก จึงเป็นจุดเริ่มต้นการขายปาท่องโก๋คู่กับอาหารจานเดียวตั้งแต่นั้นมา
อาหารจานเดียวจานแรกที่ขึ้นชื่อของทางร้านคือ "ข้าวหมูแดง" ทางร้านทำหมูแดง และหมูกรอบเอง ความอร่อยที่ลงตัวของข้าวหมูแดงที่ร้าน อยู่ที่น้ำราด ซึ่งเป็นสูตรดั้งเดิม ใช้กระดูกไก่และขาตั้งหมู ต้มให้ได้น้ำซุปมาทำน้ำราดนาน 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นนำเครื่องปรุงรสมาปรุงจนได้น้ำราดที่เหนียว หอมและหวานน้ำต้มกระดูก
"ข้าวหน้าทะเล" เป็นอาหารจานเดียวที่ลูกค้าสั่งเข้ามามากเช่นกัน ด้วยความสดของเนื้ออาหารทะเล ที่มีกุ้งแชบ๊วย ปลากะพง และปลาหมึก ปรุงรสกับน้ำสตูสูตรดั้งเดิมจากจีน ทางร้านปรับปรุงเล็กน้อยเพื่อให้ถูก ปากคนไทย ซึ่งได้ทำสูตรนี้มากว่า 40 ปี จนเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าจำนวนมาก กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด
"ก๋วยเตี๋ยวหน้าไก่" เป็นเมนูเสริม เพื่อเป็นทางเลือกของลูกค้าที่ชอบกินเส้น โดยอาหารจานนี้เป็นน้ำสตูไก่ เริ่มจากหมักเนื้อไก่ตามสูตรของทางร้าน ก่อนปรุงรสชาติในน้ำสตูให้มีรสจัดจ้านเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้กินคู่กับเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ชอบ ได้อย่างลงตัวและเข้าถึงรสชาติอาหาร
"ก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเล" เป็นเมนูที่ทาง ร้านทำขึ้นเพื่อเอาใจผู้ที่ชอบกินอาหารรสจัดจ้าน ด้วยน้ำซุปที่ถึงเครื่องปรุง ความเปรี้ยวจากน้ำมะนาว ความหวานจากน้ำซุป รวมกับความหอมมันของถั่วลิสง กินคู่กับเนื้อกุ้งแชบ๊วย เนื้อปลากะพงใหญ่ และปลาหมึกลวก ทางร้านฝากบอกมาว่า ควรชิมก่อนแล้วถึงค่อยปรุงรสชาติอาหารทุกชาม
หลังจากกินอาหารคาวแล้ว ต้องตบท้ายด้วยปาท่องโก๋ย่าง ราดด้วยสังขยา และนมข้น โดยทางร้านทอดปาท่องโก๋จนสุกแล้วจึงย่าง ซึ่งการย่างปาท่องโก๋นี้ คุณฐิติกร บอกว่า คนจีนสมัยก่อนหลังจากกินปาท่องโก๋เหลือ ก็มักถนอมอาหารด้วยการย่าง จะทำให้รสชาติของปาท่องโก๋เปลี่ยนไปอีกรสชาติหนึ่ง ทางร้านจึงใช้เคล็ดนี้มาดัดแปลงเล็กน้อย ด้วยการราดน้ำสังขยา และนมสด
หรือจะกินคู่กับไอศกรีม ราดด้วยช็อกโกแลต เป็นเมนูที่ต้องเข้ามาชิมด้วยตัวเอง ถึงจะรู้ว่า เข้ากันได้อย่างไร
การควบคุมความอร่อยของอาหารของทางร้าน คุณฐิติกร เผยเคล็ดลับว่าต้องตื่นมาตั้งแต่ 04.00 น. ทุกวัน เพื่อมาควบคุมการปรุงรสชาติอาหารด้วยตัวเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปาท่องโก๋ หรืออาหารชนิดอื่นๆ ที่ทางร้านทำออกมาขาย
ทางร้านมี 2 สาขา สาขา 1 ตั้งอยู่ ถนนสิบสามห้าง ย่านบางลำพู ชื่อร้านปาท่องโก๋ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-19.00 น. และสาขา 2 อยู่ที่เทเวศร์ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-15.00 น. โทรศัพท์สอบถามได้ที่โทร. 0-2281-9754
ที่มา: ข่าวสดรายวัน หน้า 21 (update: วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7358)
ร้านอาหาร: อิชิโกะ ยากิโทริ ฟิวชั่นเจแปนแท้ ๆ
จาก อัลบั้มประชาชาติธุรกิจออนไลน์ |
ในยุคนี้ร้านอาหารญี่ปุ่นมีให้เลือกมากมายหลากหลาย แต่ละร้านก็มี คอนเซ็ปต์และไอเดียของตัวเอง แต่ที่นี่ "อิชิโกะ ยากิโทร" ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ฟิวชั่นที่เป็นสัญชาติญี่ปุ่นแท้ ๆ เพิ่งเปิดตัวให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนรักอาหารญี่ปุ่น
แม้จะเพิ่งเปิดตัวได้แค่ 4 เดือนเศษ แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องของคุณภาพ รสชาติ และการบริการ เพราะที่นี่เป็นร้านในเครือของภัตตาคารเชียงการีล่าที่มีชื่อเสียงมากกว่า 30 ปี และยังได้ผู้จัดการร้านที่เป็นคนเก่าแก่ชาวสิงคโปร์ ซึ่งมีความชำนาญในด้านอาหารญี่ปุ่นมาประจำอยู่ที่นี่ด้วย
"วินเซนต์ ชวง" ผู้จัดการร้าน เล่าให้ฟังว่า คอนเซ็ปต์ของร้านจะเป็นฟิวชั่นยากิโทริ ซึ่งเป็นไก่ย่างเสียบไม้หลากหลายรูปแบบ และยังมีเมนูอาหารญี่ปุ่นอื่น ๆ ให้เลือกอีกมากมาย
วัตถุดิบต่าง ๆ ส่วนใหญ่นำเข้าจากญี่ปุ่นเกือบทั้งหมด ทั้งปลา เครื่องเทศ และเครื่องดื่ม โดยจับกลุ่มคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย และยังมีกลุ่มครอบครัวชาวไทย และนักธุรกิจ ที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น
ล่าสุดทางร้านได้จัดเมนูเซตอาหารกลางวันขึ้น เพื่อให้เป็นทางเลือกสำหรับลูกค้า โดยมีให้เลือกอร่อยถึง 18 ชุด ในราคาเริ่มชุดละ 150-250 บาท ซึ่งเมนูเซตแนะนำ คือ ชุดไก่เสียบไม้ย่างซีอิ๊ว ราคา 180 บาท และชุดกุ้งทอดเทมปุระ ราคา 180 บาท อาหารทุกชุดมีข้าว ซุป สลัด ผลไม้ กาแฟ และ น้ำชาให้ฟรี...อิ่มอร่อยได้อย่างเต็มที่
ส่วนเมนูแนะนำก็มี ชุดสึกุเนะไก่ย่างเสียบไม้หลากหลายรสชาติรวม 10 ไม้ ตามด้วยชุดซาชิมิรวมพิเศษ ที่มีให้ชิม 8 อย่าง คือ ปลาฮามาจิ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลากระพงแดง หอยปีกนก กุ้งหวาน หอยเชลล์ และปลาหมึก...ทั้งสด หวาน อร่อย ทีเดียว
และยังมีเมนูอื่น ๆ ให้เลือกอีกมาก อาทิ ผัดเห็ดรวมมิตรกับกระเทียม กุ้งทอดใส่ซอสส้ม แคลิฟอร์เนียมากิ ฯลฯ ซึ่งทุกจานสดอร่อยตามสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ
ที่นี่ตกแต่งร้านในสไตล์ญี่ปุ่นสมัยใหม่ รองรับลูกค้าได้ 100 ที่นั่ง และยังมีห้อง วี.ไอ.พี.ที่เป็นส่วนตัวอีก 4 ห้อง
สำหรับลูกค้าที่แวะมาชิมในช่วงนี้ ทางร้านลดราคาอาหารมื้อเย็นทุกเมนู 20% ทันที จนถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้
ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้อาหารญี่ปุ่น... ไม่ควรพลาด !
ที่มา: คอลัมน์ มุมอร่อย โดย นับดาว
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (update: วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 11:12:20 น.)
วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554
ปรัชญาที่ชาวจีนถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิต (chinese tantra totem for good luck) i
ปรัชญาที่ชาวจีนถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิต (chinese tantra totem for good luck) i
1. จงให้มากกว่าที่ผู้รับต้องการ และทำอย่างหน้าชื่นตาบาน
2. จงพูดกับคนที่ถึงแม้จะอายุน้อยกว่า แต่เขาก็มีความสำคัญเท่ากัน
3. จงอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน ใช้ทั้งหมดที่มี และนอนเท่าที่อยากจะนอน
4. เมื่อกล่าวคำว่า 'ฉันรักเธอ' จงหมายความตามนั้นจริง ๆ
5. เมื่อกล่าวคำว่า 'ขอโทษ' จงสบตาเขาด้วย
6. ก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน จงหมั้นเสียก่อนอย่างน้อย 6 เดือน
7. จงเชื่อในรักแรกพบ
8. อย่าหัวเราะเยาะความฝันของผู้อื่น คนที่ไม่มีฝันก็เหมือนไม่มีอะไร
9. เมื่อรักจงรักให้ลึกซึ้ง และ ร้อนแรง อาจจะต้องเจ็บปวดแต่นั่นคือหนทางเดียวที่ทำให้ชีวิตถูกเติมเต็ม
10. ในเหตุการณ์ขัดแย้ง โต้อย่างยุติธรรม ไม่มีการตะโกนใส่กัน
11. อย่าตัดสินคนเพียงเพราะญาติๆ ของเขา
12. จงพูดให้ช้า แต่ต้องคิดให้เร็ว
13. ถ้าถูกถามด้วยคำถามที่ไม่อยากตอบ จงยิ้มแล้วถามกลับว่า จะรู้ไปทำไม
14. จงจำไว้ว่า สองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือความรัก และความสำเร็จ ล้วนต้องมีการเสี่ยง
15. พูดว่า ขอพระคุ้มครอง เมื่อได้ยินใครจาม
16. เมื่อพ่ายแพ้ จงอย่าสูญเสียบทเรียนไปด้วย
17. จงจำ 3 R :- นับถือผู้อื่น นับถือตนเอง รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ
18. จงอย่าให้ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ มาทำลายมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่
19. ทันทีที่รู้ตัวว่าทำผิด ลงมือแก้ไขทันที
20. จงยิ้มเวลารับโทรศัพท์ ผู้ฟังจะเห็นได้จากน้ำเสียงของเรา
21. จงหาโอกาสอยู่กับตัวเองบ้าง
ข้อความต่อไปนี้ ติดมากับบทความด้วย ครั้นจะตัดทิ้งไปก็เกรงว่าจะขาดความสมบูรณ์ ตามสมัยนิยมและไม่เสียหลายนัก การที่ผู้ส่งสิ่งดีๆมาให้คนอื่น ชอบให่ส่งจดหมายต่อๆกันไป นัยว่า เพื่อความสุขจะได้ปรากฎเกิดขึ้นกับเราจริงๆ หากมีการบอกสิ่งที่ดีนั้นให้กับผู้อื่นด้วย...
ส่งต่อข้อความนี้ไป 4 คน ชีวิตของคุณจะดีขึ้น
5-9 คน ชีวิตคุณจะดีอย่างใจปรารถนา
9-14 คน คุณจะได้รับความประหลาดใจภายใน 3 สัปดาห์
15 คนขึ้นไปชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไปทันทีและสิ่งที่คุณใฝ่ฝันจะก่อรูปก่อร่าง
ขอบคุณที่มาของบทความ: F/M update: 2011 01 05
1. จงให้มากกว่าที่ผู้รับต้องการ และทำอย่างหน้าชื่นตาบาน
2. จงพูดกับคนที่ถึงแม้จะอายุน้อยกว่า แต่เขาก็มีความสำคัญเท่ากัน
3. จงอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน ใช้ทั้งหมดที่มี และนอนเท่าที่อยากจะนอน
4. เมื่อกล่าวคำว่า 'ฉันรักเธอ' จงหมายความตามนั้นจริง ๆ
5. เมื่อกล่าวคำว่า 'ขอโทษ' จงสบตาเขาด้วย
6. ก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน จงหมั้นเสียก่อนอย่างน้อย 6 เดือน
7. จงเชื่อในรักแรกพบ
8. อย่าหัวเราะเยาะความฝันของผู้อื่น คนที่ไม่มีฝันก็เหมือนไม่มีอะไร
9. เมื่อรักจงรักให้ลึกซึ้ง และ ร้อนแรง อาจจะต้องเจ็บปวดแต่นั่นคือหนทางเดียวที่ทำให้ชีวิตถูกเติมเต็ม
10. ในเหตุการณ์ขัดแย้ง โต้อย่างยุติธรรม ไม่มีการตะโกนใส่กัน
11. อย่าตัดสินคนเพียงเพราะญาติๆ ของเขา
12. จงพูดให้ช้า แต่ต้องคิดให้เร็ว
13. ถ้าถูกถามด้วยคำถามที่ไม่อยากตอบ จงยิ้มแล้วถามกลับว่า จะรู้ไปทำไม
14. จงจำไว้ว่า สองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือความรัก และความสำเร็จ ล้วนต้องมีการเสี่ยง
15. พูดว่า ขอพระคุ้มครอง เมื่อได้ยินใครจาม
16. เมื่อพ่ายแพ้ จงอย่าสูญเสียบทเรียนไปด้วย
17. จงจำ 3 R :- นับถือผู้อื่น นับถือตนเอง รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ
18. จงอย่าให้ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ มาทำลายมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่
19. ทันทีที่รู้ตัวว่าทำผิด ลงมือแก้ไขทันที
20. จงยิ้มเวลารับโทรศัพท์ ผู้ฟังจะเห็นได้จากน้ำเสียงของเรา
21. จงหาโอกาสอยู่กับตัวเองบ้าง
ข้อความต่อไปนี้ ติดมากับบทความด้วย ครั้นจะตัดทิ้งไปก็เกรงว่าจะขาดความสมบูรณ์ ตามสมัยนิยมและไม่เสียหลายนัก การที่ผู้ส่งสิ่งดีๆมาให้คนอื่น ชอบให่ส่งจดหมายต่อๆกันไป นัยว่า เพื่อความสุขจะได้ปรากฎเกิดขึ้นกับเราจริงๆ หากมีการบอกสิ่งที่ดีนั้นให้กับผู้อื่นด้วย...
ส่งต่อข้อความนี้ไป 4 คน ชีวิตของคุณจะดีขึ้น
5-9 คน ชีวิตคุณจะดีอย่างใจปรารถนา
9-14 คน คุณจะได้รับความประหลาดใจภายใน 3 สัปดาห์
15 คนขึ้นไปชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไปทันทีและสิ่งที่คุณใฝ่ฝันจะก่อรูปก่อร่าง
ขอบคุณที่มาของบทความ: F/M update: 2011 01 05
วันอังคารที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554
ก้าวสู่ปีใหม่อีกปีแล้ว..10 สเต็ป...เปลี่ยนตัวเอง.
จาก อัลบั้มประชาชาติธุรกิจออนไลน์ |
10 สเต็ป...เปลี่ยนตัวเอง
ก้าวสู่ปีใหม่อีกปีแล้ว หลาย ๆ คนตั้งเป้าหมายที่จะทำอะไรใหม่ ๆ ในชีวิต หรือต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อรับปีใหม่..
สิ่งสำคัญที่หลายคนคำนึงถึงคือการมุ่งหาสุขภาพที่ดี รวมทั้งลด ละ เลิกสิ่งที่เป็นพิษกับชีวิต โดยการหันมาดูแลทั้งการกินอยู่ หรือการปรับไลฟ์สไตล์ในรูปแบบใหม่
′ชลิดา ตันติพิภพ′ ดาราและพิธีกรชื่อดัง ได้แนะนำเคล็ดลับ 10 สเต็ปในการเปลี่ยนแปลงตัวเองไว้อย่างน่าสนใจ
1.ลด ละ เลิก เคมีคอล การที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งมลพิษนั้น ส่งผลให้เราได้รับสารพิษต่าง ๆ มาสะสมอยู่ในร่างกายอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นสารเคมีในอาหาร ยา โลหะหนัก ฯลฯ ซึ่งจะกลายเป็นสารตกค้างที่ร่างกายไม่ต้องการ และยังแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายได้หลายวิธี
2.ลด ละ เลิก การกินยาและกาเฟอีน
โดยเน้นว่าอย่ากินยาอย่างพร่ำเพรื่อ เพราะหลายคนกินยาแอนตี้ ไบโอติกบ่อยมาก ทั้งยาแก้ปวด ยานอนหลับ ยา ลดคอเลสเตอรอล ซึ่งยาเหล่านี้อาจจะช่วยลดอาการที่เป็นอยู่ แต่ไม่ได้รักษาที่ต้นตออย่างแท้จริง การกินยาเพื่อรักษาอาการที่ปลายเหตุอย่างนี้นาน ๆ อาจจะนำไปสู่ผลข้างเคียงอื่น ๆ ก็เป็นได้
3.น้ำตาล ตัวหวานที่ทำให้อ้วนและแก่เร็ว
ซึ่งน้ำตาลยังเป็นตัวอันตรายที่คาดไม่ถึงอีกมาก เช่น น้ำตาลทำให้เกิดริ้วรอย ทำร้ายหัวใจ ทำลายตับ ทำให้เป็นเบาหวาน ฯลฯ ดังนั้นจึงควรรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ด้วยการเลือกกินน้ำตาลหรือคาร์โบไฮเดรตที่มีไฟเบอร์ไม่ผ่านการขัดสี เช่น ผักผลไม้สด ข้าวกล้อง และธัญพืชเต็มเมล็ด ซึ่งดีต่อสุขภาพมากที่สุด เพราะช่วยให้หุ่นเฟิร์ม สุขภาพดี และดูอ่อนเยาว์
4.สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายด้วยระบบการย่อยที่ดี
เราควรให้ความสำคัญกับการเลือกกิน และเคี้ยวอาหารให้ละเอียด ทานอาหารให้เป็นเวลา เพื่อป้องกันอาการกรดไหลย้อน ท้องอืด แน่นท้อง ท้องเสีย เพราะถ้าร่างกายสามารถย่อยอาหารได้เต็มที่ ก็จะสามารถกำจัดของเสียออกไปจากร่างกายได้มากที่สุดด้วย
5.เสริมอาหารให้ครบครันด้วย
ให้ความสำคัญกับการเลือกกินผลผลิตที่มีการเกษตรอินทรีย์หรือออร์แกนิก เพื่อหลีกเลี่ยงอาหารที่ปนเปื้อนจากยาฆ่าแมลงและวัชพืชต่าง ๆ
6.ใส่ใจการกินด้วยวิธีมิกซ์แอนด์แมตช์ การกินแบบ food combining
เป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยลดปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อได้ ด้วยการแบ่งแยกอาหารออกเป็นหมวดผลไม้ ผัก แป้ง โปรตีน และไขมัน การกินแบบนี้จะช่วยให้ร่างกายย่อยอาหารได้ด้วยเอนไซม์ที่เหมาะสม สร้างกรดอะมิโนให้ไปซ่อมแซมและเสริมสร้างร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7.เลือกกินไขมันดี การระบุคำว่า fat free (ไร้ไขมัน), low fat (ไขมันต่ำ) หรือ high fat (ไขมันสูง) ในฉลากอาหารนั้น
ทำให้มีบทบาทต่อการเลือกซื้ออาหารของเรามากขึ้น จนบางคนเลิกกินไขมันไปเลยเพราะกลัวอ้วน ซึ่งจริง ๆ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะร่างกายเราต้องการไขมันที่ดีเพื่อการดำรงชีวิตอยู่ และยังทำหน้าที่เป็นปราการป้องกันอวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ และไต รวมทั้งยังให้ความอบอุ่นต่อร่างกายอีกด้วย
8.กำหนดลมหายใจ คลายเครียด และออกกำลังกาย
อีกหนึ่งสเต็ปที่ช่วยให้สุขภาพดีอย่างถาวร และยังช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี นั่นก็คือการออกกำลังกาย และการผ่อนคลายความเครียด การทำสมาธิ และการผ่อนคลายอย่างง่าย ๆ เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และยังทำให้สมองปลอดโปร่งคิดเรื่องต่าง ๆ ได้ดีขึ้นอีกด้วย
9.นอนหลับให้เพียงพอ
เพราะการพักผ่อนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ทำให้ร่างกายได้มีโอกาสฟื้นฟูตัวเองหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน และในขณะหลับร่างกายยังได้หลั่งโกรทฮอร์โมน ที่มีบทบาทต่อการสร้างความอ่อนเยาว์ เผาผลาญอาหาร และซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ให้มีความสมบูรณ์ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพและความงามมากที่สุด
10.ทำตัวเปี่ยมพลังและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ
หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ การมองโลกในแง่บวกจนเปล่งประกายความสุขออกมาให้เห็นอยู่ตลอดเวลานั่นเอง เพราะจะทำให้ดูสุขภาพดี มีความมั่นใจ และมีความหนักแน่น ดวงตามีประกายแห่งความสุข และมีบุคลิกที่ สามารถดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้างได้ดีทีเดียว
ทั้งหมดนี้คือเคล็ดลับของความมีสุขภาพดีในแบบที่เปล่งประกายความสุขได้...
ที่มาข้อมูล: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (update: วันที่ 01 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 06:01:00 น.)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)