วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สุจินต์โภชนา 2 บะกุ๊ดเต๋สุดอร่อย


สุจินต์โภชนา 2 บะกุ๊ดเต๋สุดอร่อย

ร้านนี้หาง่าย อยู่ตรงข้ามตลาดสดเทศบาลเบตง เป็นร้านเก่าแก่ ขายมากว่า 50 ปีแล้ว มาถึงอย่าลืมสั่งของขึ้นชื่อคือ บะกุ๊ดเต๋ เขาบอกว่าเป็นสูตรมาเลย์ แอบเห็นก่อนเสิร์ฟต้องเอาขึ้นตั้งไฟแบบไฟลุกท่วมหม้อ เสร็จแล้วจึงยกขึ้นโต๊ะเสิร์ฟพร้อมปาท่องโก๋ที่ตัดเป็นชิ้นๆ และข้าวสวยร้อนกลิ่นหอมๆ ชวนให้ต้องลิ้มชิมรสน้ำแกง เพียงแค่คำแรกที่เข้าปากก็สัมผัสได้ถึงความสดชื่นซ่านๆ ลิ้นด้วยเครื่องยาจีนเข้มข้น หมูที่ใส่มาทั้งซี่โครงและเครื่องในก็ไม่มีกลิ่นสาบกลิ่นคาว ถ้าไม่ชอบกลิ่นเครื่องยาจีน จะสั่งอาหารเส้นๆ มากินก็ได้ มีทั้งบะหมี่ หมี่ฮกเกี้ยน และหมี่หุ้น ทางร้านทำเส้นบะหมี่เองสดใหม่ทุกวัน


ปิดท้ายด้วยชาจีนให้ครบสูตร ถ้วยชาที่ทางร้านยกมาเสิร์ฟจะถูกอุ่นอยู่ในชามน้ำร้อนตามแบบการจิบชาแท้ๆ จิบไปๆ รสชานั้นคุ้นลิ้นมากจนต้องแอบเปิดกาน้ำชาดู ที่แท้เขาก็ใส่ดอกเบญจมาศหรือเก๊กฮวยลงไปด้วยนี่เอง!

ข้อมูลร้านอร่อย : ถ. เทศจินดา ตรงข้ามตลาดสดเทศบาลเบตง เปิดเวลา 06.00-14.00 น. โทร. 0-7323-0477

ขอบคุณที่มา: เรื่อง : วีรวรรณ ภิญญรัตน์
ภาพ : เอกพงศ์ ศรทอง, วีรวรรณ ภิญญรัตน์
http://travel.sanook.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%A0%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B2-2-%E0%B8%9A%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%8B%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2-942206.html

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

ทัพแดงไม่ต้องเดินทางไกล แค่วังหินได้กินก๋วยเตี๋ยวต้มยำ“เหมา เตี๋ยว ตุ๋ย”กับท่านประธานเหมา


ท่านประธาน “เหมา เจ๋อ ตุง” อดีตผู้นำจีนแผ่นดินใหญ่ผู้ยิ่งใหญ่ เสียชีวิตไปนานกว่า 30 ปีแล้ว

แต่วันนี้ ไม่เชื่อก็ต้องว่า ท่านกลับมาอีกครั้งพร้อมกับร้านก๋วยเตี๋ยวสุดอาร์ท ที่แยกวังหิน !!?

ร้านนี้มีชื่อว่า “เหมา เตี๋ยว ตุ๋ย” เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเปิดใหม่อยู่ตรงแยกวังหิน หาไม่ยาก อยู่เยื้องๆกับโลตัสวังหิน เสนานิคม

เมนูชวนชิมคือ “ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำสูตรโบราณ” มีเส้นให้เลือกสรรตามใจชอบไม่ว่าจะเป็น เส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหมี่ และเส้นไวไว คนที่ไม่ชอบกิน สั่งแบบธรรมดา ไม่ต้องต้มยำ ก็มีให้ลิ้มลอง

อีกหนึ่งเมนูที่แนะนำคือ “ลูกชิ้นหมูปิ้ง” และไอติมตบท้ายรายการ หน้าตาคล้ายไอติมแท่งสมัยยุคแฟนฉัน มีให้เลือกหลายรส ทั้งสละ ทุเรียน เผือก กาแฟ ถั่วดำ ถั่วแดง ข้าวโพด ลอดช่องถั่วแดง สตอเบอรรี่ ช็อคโกแล็ต ชานม มะพร้าว ข้าวเหนียวทุเรียน สัปปะรด และมะม่วง


นอกจากก๋วยเตี๋ยวต้มยำแล้ว ร้านนี้ยังมีสไตล์การตกแต่งร้านสุดแนว ไม่เหมือนใคร และไม่ค่อยมีใครเหมือน
ก่อนเข้าร้านคุณจะสะดุดกับรูปท่าน “ประธานเหมา” สีส้ม ยืนตระหง่านถือชามชวนชิมก๋วยเตี๋ยว เชิญเข้าร้านตัวเบ่อเริ่ม


ส่วนภายในร้าน ตกแต่งด้วยสีแดงจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งสีร้าน รวมทั้งโต๊ะไม้สีแดง เก้าอี้ก็แดง และที่ขาดไม่ได้คือ ประดับประดาด้วยรูปท่านประธานเหมาเต็มร้าน



คุณตุ๋ยเจ้าของร้านบอกว่า มีท่านประธานเหมาเป็นไอดอลในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องความคิดที่เฉียบคม บุกเบิกจีนให้กลายเป็นแผ่นดินใหญ่ มาจนถึงทุกวันนี้


คุณตุ๋ย เล่าว่า ร้านเพิ่งเปิดเมื่อวันแม่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา เพราะก๋วยเตี๋ยวเป็นสูตรคุณแม่ เลยถือฤกษ์วันแม่เปิดร้าน

“เหตุที่ออกมาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว เพราะอยากเปลี่ยนอาชีพ หาอะไรทำที่ท้าทายใหม่ๆ พูดง่ายๆ คือ ... อยู่กับเส้น(ก๋วยเตี๋ยว) ดีกว่าอยู่กับคน” 55

จะว่าไป พี่ตุ๋ยคนนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคนเขียนบทละครซิทคอมให้ค่ายเอ็กแซ็กท์ แกรมมี่ มายาวนานกว่า 10 ปี เรื่องที่ใครหลายคนรู้จักกันดีคือเรื่อง “เป็นต่อ” นั่นเอง

ใครชอบกินเส้นรสจัด แวะไปชิมได้ที่ “เหมา เตี๋ยว ตุ๋ย” เมนูที่ลูกค้าหลายคนหลายคนติดใจคือ เส้นไวไวหมูต้มยำ และน้ำซุปต้มกระดูกหมู


อ้อ...จะบอกว่า ร้านนี้กินไปก็ฮาไป และไม่มีบริการห่อกลับบ้าน เพราะสโลแกนของร้านบอกไว้ว่า

1.สิ่งที่พึ่งระลึกเมื่อมาร้านนี้คือ เจ้าของร้านใจดีมาก แต่ปาก(หมา) และ(กวนตีน)ขั้นเทพ

2. ร้านนี้ไม่มีบริการสั่งเตี๋ยวใส่ถุงกลับบ้าน เพราะกินที่บ้าน หาได้อร่อยเท่ากินที่ร้านไม่

3. และเมื่อไม่มีถุง ก็ถือว่าสหายได้ช่วยลดโลกร้อนไปในตัว แม้แต่ลูกชิ้นปิ้ง ก็ไม่มีถุงกลับบ้านเช่นกัน แต่ถ้าสหายกล้าเดินถือกินไป ทั้ง 5 ไม้แล้วไซร้ มีหรือที่เราจะไม่กล้าให้

4. ที่ “เหมา เตี๋ยว ตุ๋ย” ลูกค้าหาใช่พระเจ้าแต่เป็นสหาย สหายจึงพึงกระทำต่อสหายด้วยคุณธรรมน้ำมิตรที่ดี อย่าได้คิดว่าตังค์ในกระเป๋าท่าน จะมาข่มเจ้าของร้านได้ เพราะเจ้าของร้านก็มีตังค์ในกระเป๋า เฉกเช่นท่านนั่นเอง

5. โปรดอ่าน 4 ข้อแรกอีกครั้ง หากสหายไม่เข้าใจในข้อไหน สงสัยใครรู้ในเรื่องใด เจ้าของร้านยินดีโอภาปราศรัย อธิบายเพิ่มเติม ให้สหายได้กระจ่างสว่างจิต

รับประกันความอร่อยและความฮา โดยสหายท่านประธานเหมา (ครับ)

เรื่องและภาพ : รุ่งวัฒนา ทีม
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1314015938&grpid=&catid=09&subcatid=0901

"บูเรนโด" ชาบู เน้นคุณภาพ ที่สยามสแควร์ซอย 10


สุกี้เป็นอาหารที่รู้จักของคนไทยเป็นเวลานานและเป็นที่นิยมสำหรับทุกเพศทุกวัย แต่ยังมีอาหารที่มีรูปแบบการกินคล้ายกันนั้นก็คือชาบู ชาบูกับสุกกี้อาจต่างกันตรงน้ำซุปและน้ำจิ้มแต่วีธีกการกินคล้ายกันคือการทำให้สุกโดยน้ำ ผู้เขียนจึงขอแนะนำร้านชาบูคุณภาพอีกร้านให้ลองลิ้มชิมรสกัน

ร้าน "บูเรนโด" ที่ตั้งอยู่ในสยามสแควร์ซอย 10 ใกล้ธนาคารกสิกรไทย

ร้านบูเรนโดมีเมนูให้เลือกทั้งบุฟเฟ่ต์และอลาคาส บุฟเฟ่ต์มีให้เลือก 2 ราคามีแบบธรรมดาราคา350บาท และพิเศษราคา 550 บาท แบบธรรมดาสามารถสั่งชุดเนื้อ หมู ไก่ และผัก ส่วนแบบพิเศษเลือกได้ทุกเมนูยกเว้นซาซิมิ

คุณอมร เรืองมานะมงคล หุ้นส่วนของร้านบูเรนโดให้สัมภาษณ์ว่า ปกติเป็นคนชอบรับประทานอาหารประกอบกับอยากทำธุรกิจจึงเลือกทำธุรกิจร้านอาหาร ส่วนที่เลือกเป็นชาบูเพราะเห็นว่าอาหารญี่ปุ่นเป็นอาหารญี่ปุ่นเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมาก ทั้งชาบูก็เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพและกินได้ทุกเพศ ทุกวัย


ลูกค้าที่มาก็มีหลากหลายทั้งเป็นแบบกลุ่มวัยรุ่น หรือเป็นครอบครัว คู่รัก เพราะบรรยากาศร้านเป็นแบบสบายๆ คนไม่หนาแน่จนเกินไป ทำให้การบริการทั่วถึง การเสิร์ฟอาหารก็รวดเร็วทันใจ

คุณอมร กล่าวว่า ทางร้านไม่เน้นโฆษณาและจัดโปรโมชั่น เพราะต้องการเน้นคุณภาพและการบริการที่ทั่วถึง ลูกค้าที่มารับประทานส่วนใหญ่ก็เป็นการบอกปากต่อปาก ที่ได้รับการแนะนำจากเพื่อนที่เคยมารับประทาน ส่วนเมนูพิเศษที่ทางคิดขึ้นเองโดยเฉพาะนั้นก็ใหม่ สด ที่ทำวันต่อวัน


เมนูที่แนะนำ เป็นข้าวปั้นหน้าแซลมอล ที่ปลาเยอะข้าวน้อย ปั้นสดๆคำต่อคำ และเมนูพิเศษที่ทางร้านคิดเอง ส่วนเครื่องดื่มขอแนะนำน้ำฝรั่งที่อมเปรี้ยวอร่อยดี หรือเลือกดับร้อนแบบซ่าๆกับน้ำมะนาวโซดา ใครไปเดินสยามอย่าลืมแวะไปกินชาบูคุณภาพที่บูเรนโด แล้วคุณจะติดใจ

ที่มา: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1315537691&grpid=&catid=09&subcatid=0901





ชวนชิมหลากเมนูเด็ด'เห็ดแปรรูป'อร่อยตามตำรับ...หมึกผัดไข่เค็ม


ก่อนที่ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปกินอาหารทะเลที่พัทยากันนั้น ผมได้แวะไปที่ อ.วังน้ำเขียวเพื่อไปถ่ายทำรายการโทรทัศน์แล้วผมได้แวะไปที่ฟาร์มเห็ดแห่งหนึ่งชื่อว่า มิสเตอร์ มัสรูม ที่แปลว่า นายเห็ดครับ โดยภรรยาเจ้าของฟาร์มได้ให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดีทีเดียว

ผมมีโอกาสเดินดูโรงเพาะเห็ดต่าง ๆ ที่เขาเพาะเห็ดไว้ มีทั้ง เห็ดหลินจือ เห็ดนางฟ้า เห็ดหอม และที่สำคัญ ยังมีเห็ดที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ก็คือ เห็ดหัวลิง ซึ่งหน้าตาก็เหมือนสมองลิงนะครับ แต่ว่าตอนที่ผมไปนั้นอากาศไม่ค่อยดีเห็ดที่ออกมาเลยหัวไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งเขาบอกว่า ถ้าอากาศดี ๆ เย็น ๆ เห็ดที่ออกมาจะหัวใหญ่มากครับ

แต่ที่ผมจะเขียนให้เพื่อน ๆ ทราบ ก็คือ เขาผลิตเห็ดแห้งส่งออกไปเมืองจีนเลยนะครับ ซึ่งประเทศจีนจะเอาไปทำยาสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสวยต่าง ๆ รวมทั้ง เอาไปทำสมุนไพร

นอกจากนั้น เห็ดที่เขาเพาะไว้ยังมีการเอามาขายสดด้วยนะครับ และมีการเอาไปทำเป็นอาหารแปรรูปออกมาหลายชนิดด้วยกัน เช่น เอาเห็ดมาทำ เห็ดสวรรค์ เห็ดสามรส และ เห็ดสมุนไพร สำหรับผมแล้ว ผมไม่ชอบเห็ดสวรรค์ เพราะส่วนตัวผมไม่ชอบกลิ่นของหมูสวรรค์หรือเนื้อสวรรค์อยู่แล้ว แต่หลายคนบอกว่าอร่อยดีครับ แต่เห็ดสมุนไพร รวมถึงเห็ดสามรสของเขามีรสชาติที่อร่อยมากเลยครับ เคี้ยวเพลินดี มีประโยชน์ด้วย ผมก็เลยต้องนำเรื่องราวอาหารเห็ดมาบอกให้เพื่อน ๆ ทราบว่า ถ้าไปวังน้ำเขียวหรือโทรฯไปหาเขาก็ได้นะครับ จะได้ลิ้มลองเห็ดกัน เอามาขบเคี้ยวเป็นของกินเล่นก็ได้ครับ

นอกจากที่ผมเล่าให้ฟังแล้ว เขายังนำเห็ดมาทำเป็นน้ำพริกด้วยนะครับ เมื่อผมได้ชิมน้ำพริกที่ทำจากเห็ดแล้ว ผมชอบมากที่สุด คือ น้ำพริกเผาเห็ดหอม ซึ่งลักษณะของน้ำพริกไม่มันจนเกินไป ไม่หวานจนเกินไป โดยเครื่องเทศที่เอาไปทำน้ำพริกเผา และเนื้อเห็ดที่เอาไปทำนั้นมีการทำที่ดี ทำให้น้ำพริกเผามีเนื้อน้ำพริกที่อร่อย รสชาติดีมาก ๆ เลยนะครับ

ผมอยากเอามาจิ้มกับข้าวเกรียบหรือไม่ก็คลุกกับข้าว เหยาะน้ำปลาสักนิด กินกับไข่ต้ม แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้วล่ะครับ ก็เลยต้องเขียนบอกเพื่อน ๆ ว่า ถ้ามีโอกาสไปที่วังน้ำเขียว ให้แวะที่ฟาร์มเห็ด มิสเตอร์ มัสรูม ลองทานและซื้อเห็ดกลับบ้านกันดูนะครับ มีให้เลือกลองชิมอยู่หลายอย่างด้วยกัน

สถานที่ต่อไปที่ผมได้ไปแวะกินมานั้น เป็นร้านอาหารทะเลซึ่งเป็นร้านที่ผมไปกินเป็นประจำเลยครับ แต่วันนั้นที่ร้านนี้ค่อนข้างเงียบเหงาไปเล็กน้อย และพี่เจ้าของร้านที่ผมรู้จักก็ไม่อยู่ ร้านที่ผมกำลังเอ่ยถึงอยู่นี้ ชื่อว่า ทะเลซีฟู้ด (ต๋อย) ครับ อยู่เลยพัทยาใต้ไปเล็กน้อย แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปครับ ร้านอยู่ติดริมทะเลเลย

เมื่อผมเดินเข้าไปในร้าน คนที่ร้านเขาเห็นหน้าผมเขาก็รู้แล้วว่า ผมจะกินอะไร แต่วันนั้นผมโชคดีมากได้ปลาเก๋าสดมา 2 ตัว ก็เลยขอให้เขาทำ ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว ให้กิน ซึ่งเขานึ่งได้ดีมากเลยครับ ไม่สุกจนเกินไป ถึงแม้ว่าคนทำจะไม่ใช่คนจีนแต่เป็นคนที่อยู่กับทะเล จึงรู้วิธีการนึ่งปลาที่ถูกต้อง ทำให้เขานึ่งปลาเก๋าออกมาได้ดีครับ เนื้อยังติดกับก้างตรงกลางอยู่เลย ไม่แห้ง สุกกำลังพอดี และที่สำคัญปลาที่ได้มานั้นสดเหลือเกินครับ

แต่ต้องขอตินิดเดียวครับว่า ควรจะใช้ซีอิ๊วให้ดีกว่านี้ เพราะว่าปลานึ่งซีอิ๊ว สิ่งที่สำคัญ ก็คือ รสชาติความหอมของซีอิ๊ว ถ้าใช้ซีอิ๊วไม่ดีนัก จะทำให้กลิ่นและรสชาติของปลาที่แม้จะนึ่งอย่างดีแล้วก็ตาม แต่รสชาติไม่อร่อยเท่าที่ควร

ต่อมาเป็น เอ็นหอยผัดฉ่า เขาทำเป็นและทำได้เร็วมากเลยครับ เนื้อหอยยังหวานอยู่และไม่สุกจนเกินไปนัก ทำให้อร่อย รสชาติจัดจ้านดีครับ

จากนั้นเป็น หมึกผัดไข่เค็ม ที่ร้านนี้เป็นต้นตำรับเลยนะครับ ตั้งแต่ที่ผมทานมานับได้ว่าเป็นสิบปีแล้วครับ ผัดได้ดีครับ ได้กลิ่นหอมของไข่เค็ม ปลาหมึกที่ใช้นั้นสดผสมกับการผัดที่ดี ทำให้เวลาเคี้ยวปลาหมึกเข้าไปแล้วจะรับรู้ได้ถึงความสด อร่อยจริง ๆ ครับ

ผมสั่ง ไข่เจียวปู มากินกับ แกงป่าปลาเห็ดโคน ซึ่งเขาทำได้เข้มข้นดีครับ โดยมากแล้วจะทำน้ำใสกันเลย แต่ที่ร้านนี้เขาตำเครื่องได้ดีมากก็เลยอร่อย มี ปูผัดผงกะหรี่ และ ปูม้านึ่ง เอามากินกันด้วยครับ ไปกันสิบกว่าคนต้องสั่ง 2 ชุด กินกันอย่างเอร็ดอร่อยเลยครับ

ต้องเรียนตามตรงว่า มากินที่ร้านนี้ทีไรไม่เคยผิดหวังเลย ตัวผมถ้าไม่กลัวว่าจะมีพุงใหญ่กว่านี้ ก็จะกินหอยกินกุ้งอีก เพราะความจริงแล้ว เขายังมีกุ้งสดที่ยังมีชีวิตอยู่ สามารถสั่ง กุ้งลวก เอามาจิ้มกับน้ำจิ้มได้อีกนะครับ

ที่นี่มีอาหารที่ผมชอบอยู่หลายอย่าง และต้องบอกว่าไปพัทยาทีไรก็ต้องแวะมากินอาหารที่ร้านนี้ทุกทีเลย ก็เลยต้องมาบอกเพื่อน ๆ ให้ลองแวะไปชิมอาหารที่ร้านนี้ดู อร่อยจริง ๆ ครับ.

ที่มา: http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=486&contentID=162182

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ลิ้ม เล่า ซา



Uploaded by iheredottv on Aug 3, 2011
ห่างหายจากการอัพเดทกับแฟนๆ รายการมานาน วันนี้ถึงคิวของแอบอร่อยกับป้อมูนูอีกครั้ง วันนี้สาวป้อของเราพาไปแอบอร่อยแถวย่านทาวน์อินทาวน์ กับร้านก๋วยเตี๋ยวปลา ลิ้ม เล่า ซา กับเมนูก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยหลากหลายเมนูที่สามารถเรียกเสียงน้ำย่อยในกระเพาะอาหารได้­อยู่ตลอดเวลา ซึ่งความอร่อยของร้านนี้มีให้เลือกถึงสี่สาขา จะมีที่ไหนบ้าง และระดับความอร่อยจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในรายการแอบอร่อยกับป้อมูนูคลิปนี้ได้เลยค่าาา
http://www.youtube.com/watch?v=k6omA_ILYao

วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เปิดเคล็ดลับ สูตรเด็ด"แกงมัสมั่น"ตำรับอาหารไทยอร่อยสุดในโลก!!!


มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง
ชายใดได้กลิ่นแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
กาพย์เห่ชมเครื่องคาว - หวาน

บทพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2


ขึ้นแท่นเป็นเมนูฮิต ติดอับดับต้นๆ ไปแล้ว สำหรับ "แกงมัสมั่น" สุดยอดอาหารไทยที่ได้รับการโหวตจากมวลมนุษยชาติทุกหนแห่งให้เป็นเมนูอาหารอร่อยที่สุดอันดับ 1 ของโลก จากการจัดอันดับของเว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น โก เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา จาก50 อันดับเมนูอาหาร นอกจากนี้ยังมีอาหารไทยอื่นๆ ที่ครองใจชาวต่างชาติเป็นดั้งเดิมอยู่แล้วไม่ว่า จะเป็น น้ำตกหมู ส้มตำ หรือกระทั่งต้มยำกุ้ง เป็นต้น


เมื่อแกงมัสมั่น โด่งดังมามากมายเสียขนาดนี้ คาดว่า ใครหลายคน คงนึกอยากจะซื้อหามารับประทานกันบ้างเสียแล้ว แต่ทว่า มัสมั่น หาใช่แกงที่หาซื้อรับประทานได้ง่ายๆ ตามตลาดทั่วไป(เสียเมื่อไหร่) เพราะคงมีไม่กี่ร้าน ที่เขาจะทำแกงชนิดนี้ขึ้นมาขาย โดยส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายกับข้าวไทยไท๊ย เป็นทุนเดิม


และหากใครคิดว่า แกงมัสมั่น ทำยากแล้วล่ะก็ ความจริงแล้วไม่เลยในขั้นตอนกระบวนการผัด ปรุง คลุกคล้า ให้ครบเครื่อง

แต่ที่ยากเห็นจะเป็นทำอย่างไร ให้รสชาติ กลมกล่อม ผสมผสานครบรสทั้ง มัน หวาน เค็ม และเปรี้ยว ได้ที่ ถูกปาก สนองลิ้นมากกว่า



มติชนออนไลน์ มิรอช้า ได้โอกาสไปเรียนรู้ เคล็ดลับการทำแกงมัสมั่นให้อร่อย และแสนง่าย จาก เชฟสุรศักดิ์ คงสวัสดิ์ หรือเชฟน้อย ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการทำอาหารไทย ทั้งพื้นบ้าน ชาววัง รวมถึงประยุกต์จากโรงแรมดุสิตธานี ที่มาสอนพวกเรา(ชาวผู้อ่าน) ได้ฝึกทำ แกงมัสมั่น แบบไม่ยุ่งยาก ไว้รับประทานกินกันเองที่บ้าน โดยไม่ต้องง้อร้านอาหารไหนๆ กันเลย ที่สำคัญ ยังจะได้การปรุงอรรถรสถูกปากตามใจชอบตัวเอง รวมถึงคนในครอบครัวได้อีกนะ


รู้จักกันสักหน่อย แกงมัสมั่น มีอะไรเป็นส่วนผสมบ้าง

เริ่มแรก การเตรียมเครื่องปรุงแกงมัสมั่น ขาดไม่ได้เลยคือ เนื้อไก่ (หรือถ้าใครอยากจะเปลี่ยนให้เป็นหมู เนื้อ หรือแม้กระทั่งปลาต่างๆ ก็ย่อมดัดแปลงได้ตามความชอบ) เชฟน้อยแนะว่า เนื้อบริเวณสะโพกไก่นี่เอามาทำมัสมั่น เหมาะและอร่อยที่สุด ด้วยเพราะจะมีความนุ่มลิ้น ละมุนละไม และยิ่งติดกระดูก ติดหนังด้วยแล้ว ยิ่งได้ที่ มัสมั่นจานนี้ ใช้ไก่ 1 กิโลกรัม

หัวใจหลัก คือ เครื่องแกง สมัยนี้ เพื่อความง่ายและสะดวกเราสามารถหาซื้อเครื่องแกงมาทำมัสมั่นได้จากร้ายที่ขายทั่วไปตามตลาด จะได้ไม่ต้องมาโขลกเอง และให้ดูร้านที่ขายดีๆ เพราะนั่นจะการันตีได้อย่างหนึ่งว่า เครื่องแกงของร้านนั้นๆ จะทำมาสดใหม่ทุกวัน


สิ่งสำคัญสุดๆ คือ หัวกะทิคั้นสด (หากคั้นเองจะดีสุด) ตามด้วย มันฝรั่ง หรือมันเทศก็ได้ หัวหอมใหญ่ ถั่วลิสงคั่ว(หรือถั่วอื่นๆ) ลูกกระวาน

เครื่องปรุงรส ถ้าตามตำรับมัสมั่นดั้งเดิม ที่มีพื้นฐานมาจากพวกแขกเปอร์เซีย เขาจะเน้นรสเค็มและมัน เต่เมื่อคนไทยสมัยก่อนนำมาดัดแปลง ก็จะเน้นไปออกหวานๆ เมื่อถึงยุคปัจจุบันคนรุ่นใหม่ ไม่นิยมรสหวานมาก แกงมัสมั่นจึงกลายว่า มีความครบเครื่องด้วย 3 อรรถรส ทั้ง เค็ม หวาน และเปรี้ยว ดังนั้น ส่วนผสม จึงมีน้ำมะขามเปียกเพิ่มเข้ามา เพื่อให้ความเปรี้ยว หรือจะเป็นส้มซ่าก็ได้ หากใครชอบสัปปะรดก็แล้วแต่ นอกจากนี้ ยังมีน้ำตาลปี๊บ(หรือน้ำตาลอะไรก็ได้ แล้วแต่หาสะดวก) น้ำปลา และสารเพิ่มความหอมรสร้อนแรงคือ ยี่หร่าบดผง


ได้เวลาแล้ว มาทำมัสมั่นไก่กันเถอะ!!



ตั้งกระทะพอร้อน ตักหัวกะทิคั้นสด 2 ทัพพีลงไปเคี่ยวให้แตกมัน เป็นตัวต่อ เพื่อเอาน้ำมันก่อน


ใส่พริกแกง 300 กรัม ที่เตรียมไว้ ผัดให้เข้าที่



เติมเนื้อไก่ 1 กิโลกรัม ลงไปผัดคลุกเคล้า จนเข้าเนื้อ


ใส่หัวกะทิคั้นสด 500 กรัม ที่เหลือลงไปผัด ใช้ไฟปานกลาง


เติมถั่วลิสง ลูกกระวาน ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก
(หรือส้มซ่า หรือสัปปะรดก็ได้ ตามชอบ) น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา



เมื่อความร้อนเริ่มระอุเดือด นำมันฝรั่ง หรือมันเทศ (หรือจะเพิ่มแครอทก็ได้)
ใส่ลงไปผัด คลุกเคล้า ปิดท้ายความร้อนแรงด้วยยี่หร่าบด หรี่ไฟให้อ่อนๆ



จากนั้นยกตักลงใส่ชามใบโต จัดเรียงให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟเป็นอันเสร็จสิ้นการทำแกงมัสมั่นแสนง่าย แถมใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ


อ้อ! เชฟน้อยแนะเคล็ดลับการทำมัสมั่น คือ ต้องปรุงไม่ให้เนื้อสัตว์สุกมากจนเกินไป เพื่อให้เนื้อนุ่ม ไม่กระด้าง เมื่อปรุงเสร็จให้ทิ้งไว้บนกะทะ หรือยกใส่ภาชนะเพื่อให้ความร้อนที่ระอุภายหลังปิดเตาแก๊สได้ซึมลึกเข้าไปถึงตัวเนื้อสัตว์เอง


ถ้าจะให้แกงมัสมั่นอร่อยจริงๆ ถึงเครื่องจังๆ ต้องตั้งทิ้งไว้สัก 3-4 ชั่วโมงก่อน หรือค้างคืนไปเลย แล้วค่อยมาอุ่นเพื่อรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ หรือใครอยากจะเอาไปประยุกต์ทานกับเส้นขนมจีน สปาเก็ตตี้ ขนมปัง หรืออะไรก็ได้ แล้วแต่ชอบ แต่ถ้าหากเราเก็บไว้ในตู้เย็น แช่ช่องฟรีซ เวลามาอุ่น ก็ให้เติมน้ำเปล่าลงไป ถ้าเก็บหลายวันก็อาจปรุงรสชาติเพิ่มเติมลงไปนิดหน่อย ตามชอบ แต่อรรถรสความเป็นมัสมั่นถึงเครื่องยังคงอยู่


ทั้งทำง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อนในการเตรียมหาวัตถุดิบ แถมยังถูกปากตามความอยากมากน้อยรสชาติของตัวเอง ด้วยระยะเวลาสั้นๆ ชั่วครู่เดี๋ยวอย่างนี้ คุณผู้อ่านลองนำเคล็ดลับการทำแกงมัสมั่นไปแสดงฝีมือทำกินเอง หรือให้คนที่บ้าน เพื่อนฝูง คนรัก หรือจะร่วมมือร่วมใจทำด้วยกันก็ได้(นะ) อาหารไทยๆ ครบเครื่อง ทรงคุณค่าแบบนี้ ไม่แปลกใจเลย ถ้าจะกลายเป็นเมนูอร่อยสุดในโลก อย่างที่คนทั่วโลกเขายกย่องกัน....

ที่มา: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1312435981&grpid=&catid=09&subcatid=0901

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ฮือฮา! CNNยก"มัสมั่น"ติดอันดับ1เมนูโปรดของโลก ต้มยำกุ้งที่8 ส้มตำที่49


เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น โก จัดอันดับ 50 เมนูอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก มีเมนูของไทยโผล่ติดอันดับเพียบ โดยเฉพาะอันดับ 1 ที่แกงมัสมั่น ของไทย ถูกโหวตจากคนทั่วโลกให้เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดของมนุษยชาติ

เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นทำการสำรวจเมนูอาหารที่อร่อยที่สุดจากโพลล์ในเฟซบุ๊ค ได้ผลออกมาเผยแพร่เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าจาก 50 อันดับเมนูอาหารที่ได้รับการโหวต มีอาหารไทยพาเหรดติดอันดับเข้ามาอย่างถ้วนหน้า ส้มตำ เมนูชื่อดังสำหรับชาวต่างชาติครองอันดับที่ 46 ส่วน น้ำตกหมู โผล่มาอยู่ที่อันดับ 19


ขณะที่เมนูฮิตอย่างต้มยำกุ้ง อยู่ในอันดับที่ 8 ด้านอันดับ 1 ของการจัดอันดับ เป็นแกงมัสมั่นของไทยผงาดขึ้นอันดับ 1 แซงหน้าพิซซ่า ของอิตาลี ในอันดับ 2 และเหนือกว่าซูชิ ของญี่ปุ่นที่อยู่ในอันดับ 4 รวมไปถึงเบียดเป็ดปักกิ่งของจีนในอันดับ 5 ด้วย


สำหรับเมนูโปรดของคนทั่วโลก 10 อันดับแรก ได้แก่
1.มัสมั่น ของไทย ได้รับการยกย้องให้เป็น ‘ราชาแกงกะหรี่’ และอาจเป็น ‘ราชาแห่งอาหารทั้งปวง’ ด้วยความเผ็ด มันกะทิ หวานปนเปรี้ยว ผสมผสานกันอย่างลงตัว

2. พิซซานาโปเลียน ของอิตาลี แม้เป็นพิซซาหน้าธรรมดา แต่ก็เป็นต้นฉบับของพิซซาที่ปรุงด้วยแป้งสาลีชั้นดี

3.ช็อกโกแลต ของเม็กซิโก จากผลโกโก้ในป่านำมาผลิตเป็นช็อกโกแลตขมอมหวาน จึงเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์และในเทศกาลอีสเตอร์สำหรับคนทั่วโลก

4.ซูชิ จากญี่ปุ่น คัดสรรเนื้อปลาสดและข้าวมาปรุงเป็นข้าวปั้นแสนอร่อยที่ถูกใจคนทั่วโลก

5.เป็ดปักกิ่ง จากจีน เป็ดอบเคลือบด้วยน้ำเชื่อมหวานชุ่มคอ ค่อยๆอบให้ได้ที่ในเตาอบจนผิวกรอบ

6.แฮมเบอร์เกอร์ จากเยอรมนี มีส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างขนมปัง เนื้อและสลัดที่เป็นผลผลิตจากระบบการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

7.ลักซาปีนังอัสสัม จากมาเลเซีย หรือก๋วยเตี๋ยวแกง อาหารยอดฮิตของชาวเมเลเซีย ปรุงด้วยเส้นบะหมี่ที่เรียกว่าบีฮูน ราดน้ำแกงกะทะรสเผ็ด เติมรสชาติด้วยสมุนไพรหลากชนิด เช่น มะขาม ตะไคร้ สะระแหน่ หัวหอม สับปะรด

8.ต้มยำกุ้ง ของไทย รสชาติเปรี้ยว เค็ม เผ็ด ตามด้วยหวาน ที่สำคัญ คือ ราคาถูก

9.ไอศครีม จากสหรัฐ ไอศครีมแบบฉบับของชาวสหรัฐต้องมีถั่ว มาชเมลโลว์และราดด้วยช็อกโกแลต

10.ไก่มวมบา จากกาบอง ดัดแปลงจากสูตรดั้งเดิมของชาวตะวันตก เสิรมความอร่อยด้วยเนยถั่ว พริก กระเทียม มะเขือเทศ พริกไทย เกลือ เนยจากปาล์ม

สำหรับเมนูจากไทยจานอื่นๆที่ขึ้นแท่น 50 อันดับแรก ได้แก่ น้ำตกหมู อยู่อันดับที่ 19 ส่วนส้มตำ รั้งอันดับที่ 46 ได้ชื่อว่าเป็นสลัดยอดนิยมที่สุดในประเทศไทย


ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1311422392&grpid=03&catid=12&subcatid=1200