วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2559

ยำไข่มดแดง


ยำไข่มดแดง

ไข่มดแดง ที่ชาวบ้านนำมากินกันนี้ เป็นไข่ผสมกับตัวอ่อนระยะดักแด้ของมดงานและมดราชินี ชาวอีสานเรียกแม่เป้ง องค์การอนามัยโลกรายงานว่า ไข่มดแดงมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และได้รณรงค์ให้กินไข่มดแดงเป็นอาหาร มีไขมันน้อย มีโปรตีนสูง มีรสเปรี้ยวใช้แทนมะนาว หรือน้ำส้มสายชูได้

ส่วนผสม (กินได้ 4 คน) : ไข่มดแดง 165 กรัม หอมแดง (ซอย) 20 กรัม หอมเป (ผักชีฝรั่ง) 10 กรัม ต้นหอม (ซอย) 19 กรัม สะระเหน่ 7 กรัม น้ำปลา 4 กรัม น้ำปลาร้า 15 กรัม มะนาว 15 กรัม พริกป่น 4 กรัม ข้าวคั่ว 10 กรัม

วิธีทำ
1. การยำก็ทำง่าย เอาไข่มดแดงที่เตรียมไว้แล้วมาใส่ในชามที่จะใช้ยำ ไข่มดแดงในช่วงนี้หาลำบากจะมีตัวแม่ติดมาด้วย ใส่ข้าวคั่วลงไปผสมเลย ถ้าคั่วใหม่ ๆ ก็ยิ่งดี

2. ตามด้วยพริกป่น ถ้าทำเองก็จะเผ็ดและหอมได้ที่ เติมน้ำปลาลงไป ตามด้วยน้ำปลาร้าที่ต้มสุก เทให้ทั่ว เพิ่มความเปรี้ยวอีกนิดด้วยมะนาว แล้วก็ใส่หอมซอยลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน

3. จากนั้นใส่ต้นหอมและหอมเป หรือที่เรียกว่าผักชีฝรั่งลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน

4. ปิดท้ายด้วยใบสะระเหน่ ก็เป็นอันเสร็จ เมนูยำไข่มดแดง ตักขึ้นใส่จาน เสริฟกับข้าวเหนียวร้อน ๆ ทานกับข้าวสวยก็ได้ มีผักสดร่วมด้วยก็อร่อย และมีคุณค่าทางโภชนาการ

(เครดิตภาพ : สถาบันโภชนาการ, ไวน์มันแกว, ตุ้ยพงษ์พิษณุ, ธนนันท์, นู๋กัล)

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2559

แกงป่าปลาช่อนนา



แกงป่าปลาช่อนนา


เป็นแกงที่ไม่ใส่กะทิ คำว่าแกงป่า ทำให้เรานึกถึงวิธีการปรุงที่ไม่ยุ่งยาก มีผักสมุนไพรนานาชนิด เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แกงป่า ประกอบด้วยผักต่างๆ หลากหลายชนิด อาหารชนิดนี้เมื่อกินก็จะได้ประโยชน์จากผักและสมุนไพรล้วนๆ ก็คือได้เส้นใยอาหารที่ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยในการลดไขมัน สำหรับปลาช่อนที่ใช้ในการปรุงแกงป่าควรเป็นปลาช่อนจากแหล่งธรรมชาติมากกว่าปลาช่อนเลี้ยงเพราะจะให้รสชาติที่ดีกว่า
(เครดิตภาพ : สถาบันโภชนาการ) via 
มูลนิธิหมอชาวบ้าน: January 30, 2016

ส่วนผสม:เครื่องน้ำพริก


- พริกขี้หนูแห้ง
25
กรัม
- หัวหอม
25
กรัม
- กระเทียม
25
กรัม
- ข่า            
½
ช้อนชา
- ตะไคร้
15
กรัม
- ผิวมะกรูด
½
ช้อนชา
- รากผักชี
½
ช้อนโต๊ะ
- พริกไทย                 
1
ช้อนชา
- กะปิ
½
ช้อนโต๊ะ
- เกลือ
½
ช้อนชา
- ลูกผักชีคั่วป่น
1
ช้อนโต๊ะ
- ยี่หร่าคั่วป่น
1
ช้อนชา
- ข้าวสารแช่น้ำโขลก
2
ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม:เครื่องปรุง
- น้ำ
5         
ถ้วยตวง
- ปลาช่อนนา
½
กิโลกรัม
- มะเขือเปราะ(อ่อน)
150
กรัม
- หน่อไม้
200 
กรัม
- ถั่วฝักยาว
150
กรัม
- พริกชี้ฟ้าหั่นยาว
5
เม็ด
- กระชายซอย
½
ถ้วยตวง
- ใบกะเพราเด็ด
1
ถ้วยตวง
- น้ำปลา
¼
ถ้วยตวง
- น้ำมันถั่วเหลือง (ผัดน้ำพริกแกง)
¼
ถ้วยตวง


วิธีทำ




1.
โขลกพริกไทยให้ละเอียดใส่รากผักชี ข่า ผิวมะกรูด ตะไคร้ โขลกละเอียด ใส่พริกแห้ง เกลือป่น โขลกรวมกัน ใส่กระเทียม หัวหอมโขลก กะปิ ลูกผักชีคั่วป่น ยี่หร่าคั่วป่นโขลกจนละเอียด พักไว้
2.
หั่นเนื้อปลาเป็นชิ้นๆ
3.
ล้างผักให้สะอาด ผ่าเมะเขือเปราะเป็น 4 ชิ้น  แช่น้ำไว้ หั่นหน่อไม้ถั่วฝักยาวเป็นท่อนขนาด 1 นิ้ว พักไว้
4.
ผัดน้ำพริกในน้ำมันผัดให้หอม ใส่น้ำตั้งไฟให้เดือด ใส่หน่อไม้ มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว พอผักสุกใส่เนื้อปลาช่อน พริกชี้ฟ้า ปรุงรสด้วยน้ำปลาใส่ใบกะเพรา ยกลง

http://www.inmu.mahidol.ac.th/gallery/inmucooking/Central_Region_food/

วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559

อาหารเช้า ช่วยไม่ให้หิว ไม่จุกจิก ลดน้ำหนักได้



#อาหารเช้า #ช่วยไม่ให้หิว #ไม่จุกจิก #ลดน้ำหนักได้

ระบบการเผาผลาญในร่างกาย มีส่วนสำคัญในการลดน้ำหนัก อยากหุ่นฟิตแอนด์เฟิร์ม ต้องทานอาหารเช้า

ที่มา: Be Health

10 พฤติกรรมอันตราย ที่ทำลายสมองโดยไม่รู้ตัว


10 พฤติกรรมอันตราย ที่ทำลายสมองโดยไม่รู้ตัว

1. ไม่ทานอาหารเช้า หลายคนคิดถูกว่าไม่ทานอาหารเช้าเพราะรีบเร่งทำงานอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำได้ แต่นี้จะเป็นสาเหตุให้สารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้สมองเสื่อมได้อีกนะ

2. กินอาหารมากเกินไป ก็ไม่ดีจะทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว เป็นสาเหตุให้เกิดโรคความจำสั้น ผมก็กำลังเป็นอยู่ฮ่าๆ

3. การสูบบุหรี่ ไม่เคยสูบแต่ขอเตือนผู้สูบบุหรี่จัดมากๆ บุหรี่ทำให้เกิดโรคมะเร็งแ่ละเป็นสาเหตุให้เป็นโรคสมองฝ่อและเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์

4. ทานของหวานมากเกินไป จะไปขัดขวางการดูดกลืนโปรตีนและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารและขัดขวางการพัฒนาสมอง

5. มลภาวะ สมองเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดในร่างกายการสูดเอาอากาศที่เป็นมลภาวะ เข้าไปจะทำให้ออกซิเจนในสมองมีน้อยส่งผลให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง

6. การอดนอน เป็นเวลานานจะทำให้เซลล์สมองตายได้ ส่วนการนอนหลับจะทำให้สมองได้พักผ่อนก็คงรู้ๆกันแค่มาย้ำให้เพื่อนได้ตระหนักกัน

7. นอนคลุมโปง ใครที่กำลังทำแบบนี้คิดใหม่ก็ดีนะ เพราะนอนคลุมโป่งจะเป็นการเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้นและลดออกซิเจนให้น้อยลงส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง

8. ใช้สมองในขณะที่ไม่สบาย การทำงานหรือเรียนขณะที่กำลังป่วย จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงเหมือนกับการทำร้ายสมองไปในตัว

9. ขาดการใช้ความคิด การคิดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการฝึกสมองการขาดการใช้ความคิดจะทำให้สมองฝ่อ

10. เป็นคนไม่ค่อยพูด ทักษะทางการพูดจะเป็นตัวแสดงถึงประสิทธิภาพของสมอง อันนี้ผมเลยเป็นคนช่างพูด (น้อย) เดี๋ยวจะไปลองหัดพูดกับต้นไม้ละกันนะ

เพราะสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ จึงต้องหมั่นดูแล


ที่มา : เพจ Be Health

6 ประโยชน์ไม่ธรรมดาจากน้ำอุ่น


6 ประโยชน์ไม่ธรรมดาจากน้ำอุ่

น้ำอุ่นธรรมดาในแก้วธรรมดา ซ่อนประโยชน์มากมายไว้เกินกว่าที่คุณคิด BeHealthyOnline จึงขอนำความลับหลากหลายประโยชน์ของการดื่มน้ำอุ่น จากหนังสือ ดื่มน้ำอุ่นลดหุ่น สำนักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพ มาฝากค่ะ

1. ช่วยป้องกันอาการบวมน้ำและความอ้วนจากไขมันสะสมการดื่มน้ำอุ่นอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส จะช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกาย และเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญอาหารและขยายหลอดเลือด จึงช่วยป้องกันอาการดังกล่าวได้

2. ช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ลดการกินอาหารเกินจำเป็น การดื่มน้ำอุ่นจะช่วยกระตุ้นความรู้สึกอบอุ่นที่เยื่อเมือกในช่องปาก เพิ่มความเร็วในการไหลเวียนเลือดไปยังกระเพาะอาหาร ซึ่งจะส่งสัญญาณให้สมองรับรู้ว่าอิ่มเร็วขึ้น จึงลดการกินอาหารส่วนเกินได

3. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก การดื่มน้ำอุ่นจะช่วยสร้างความอบอุ่นและกระตุ้นการทำงานของอวัยวะภายใน ทำให้ระบบย่อยอาหารสามารถแยกสารอาหารที่ร่างกายต้องการออกจากอาหารที่กินได้

4. ช่วยแก้อาการมือเท้าเย็น เมื่อร่างกายเย็น อวัยวะภายในจะเก็บสะสมไขมันไว้มากขึ้น เพื่อรักษาอุณหภูมิในร่างกาย ซึ่งน้ำอุ่นจะมาช่วยเพิ่มอุณหภูมิและปรับสมดุลความเย็นทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายกลับคืนสู่ความภาวะปกติ

5. ช่วยปรับสภาพผิวแห้งและบอบบาง เนื่องจากน้ำอุ่นช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มอัตราการไหลเวียนเลือดได้ถึง 3,000 มิลลิลิตรต่อนาที ทำให้เอนไซต์ภายในเซลล์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า และยับยั้งการสร้างเม็ดสีตัวการของผิวหมองคล้ำได้อีกด้วย

6. ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค การดื่มน้ำอุ่นจะช่วยป้องกันอาการเลือดข้นกว่าปกติ จึงไม่เป็นต้นเหตุแพร่กระจายของแบคทีเรียในร่างกาย และยังช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวที่เป็นส่วนสำคัญของภูมิชีวิต ทำให้ร่างกายแข็งแรง ป่วยยากขึ้น

มาเริ่มต้นดื่มน้ำอุ่นแทนน้ำเย็น เพื่อมอบหลากประโยชน์ไม่ธรรมดาแก่ร่างกายกัน

ที่มา : เพจ Be Health

ชาเขียวช่วยสร้างเสริมการทำงานของสมองได้



#ชาเขียวช่วยสร้างเสริมการทำงานของสมองได้

เรารู้กันดีว่าชาเขียวมีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะชาเขียวนี่มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่สูง จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ แต่อีกประโยชน์หนึ่งที่สำคัญก็คือ ชาเขียวช่วยสร้างเสริมการทำงานของสมองได้อีกด้วย โดยมีการศึกษาหนึ่งพบว่าคนที่ดื่มชาเขียวเป็นประจำจะช่วยทำให้มีความจำดีกว่าผู้ที่ไม่เคยดื่มเลย ได้รู้แบบนี้แล้วก็รีบหาชาเขียวมาดื่มดีกว่า ดื่มให้เหมาะกับสุขภาพของแต่ละคนด้วย

ที่มา : เพจ Be Health

ชาเขียว ช่วยลดไขมันบริเวณหน้าท้อง


#ชาเขียว นอกจากลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งและโรคหัวใจแล้ว ชาเขียวยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสุดยอดตัวหนึ่งชื่อว่า คาเทชิน ซึ่งช่วยลดไขมันบริเวณหน้าท้อง ถ้าคุณจิบชาเขียวก่อนออกกำลังกาย มันจะช่วยเพิ่มอัตราเผาผลาญในระหว่างออกกำลังกายด้วย

ที่มา : เพจ Be Health

ผลไม้เพื่อสุขภาพพื้นฐาน 7 ชนิด



ผลไม้เพื่อสุขภาพ

1. ลูกพรุน (Prunes)


ลูกพรุน เป็นแหล่งที่ดีของโปแตสเซียม เหล็กและไฟเบอร์ ที่สำคัญพรุนช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด พรุนเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดี พรุนแห้งหนึ่งขีดมีธาตุเหล็ก 2.78 มิลลิกรัมและมีวิตามิน ซี ซึ่งช่วยในการดูดซึมธาตุต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นหากคุณผู้หญิงอยากมีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ริมฝีปากแดงสดเหมือนสตรอเบอรี่ แก้มแดงใสเหมือนลูกเชอรี่โดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอาง ดูเป็นคนที่มีสุขภาพดีสมบูรณ์ด้วยเลือดฝาด

2. ถั่ว

ผู้หญิงทุกคนอยากมีหุ่นสวยเพรียว ไม่มีไขมันส่วนเกินสะสมถั่วช่วยคุณได้ค่ะ ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก วิตามินบีนอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบว่าเมื่อคุณรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ (ซึ่งถั่วมีอยู่แล้วมากมาย)ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่ม-นานความอยากอาหารจะลดลง ซึ่งแน่นอนว่ามีประโยชน์กับคุณสุภาพสตรีที่ต้องการลดความอ้วนเป็นอย่างมาก

3. แอปเปิ้ล

มีสารสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ เพคติน แต่ที่น่าสนใจสำคัญคุณผู้หญิงทั้งหลายคือ เจ้าตัว เพคตินนี้มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดโคเลสเตอรอล หากคุณหิวจนตาลาย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารแอปเปิ้ลสักลูกจะช่วยลดความหิวได้ เพราะแอปเปิ้ลมีแป้ง และน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 %ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็วและนำไปใช้ประโยชน์ได้ ในเวลาไม่เกิน 10 นาที

4. บรอคโคลี่


เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคุณสุภาพสตรีทั้งหลาย เพราะบรอค-โคลี่เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติซึ่งเจ้าตัว ซีลีเนียมนี้ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ (ซีลี-เนียมจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง จึงทำให้ผิวดูอ่อนวัยนุ่มนิ่ม มีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาว) แถมยังช่วยลบริ้วรอยเหี่ยวย่นอีกด้วย

5. กล้วยไข่

กล้วยทุกชนิด ดีต่อสุขภาพแต่กล้วยไข่ดีเป็นพิเศษ ในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักกันดี คือ เบต้าแคโรทีน โดยธรรมชาติ เมื่อเราอายุพ้นยี่สิบสองไปแล้วความเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมในส่วนต่างๆ ของร่างกายก็จะเริ่มมาเยือนอย่างช้าๆ

6. ฝรั่ง

ฝรั่ง 1 ขีดมีวิตามินซีสูงถึง180 มิลลิกรัม วิตามินซีมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณเต่งตึงไม่แก่ก่อนวัยวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเจ้าตัวสารต้านอนุมูลอิสระนี้เองที่ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพผิวหนังแห้งเหี่ยว เกิดริ้วรอยตีนกาวิตามินซี มีความสำคัญต่อการสร้าง และบำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (ConnectiveTissue) เซลล์นับล้านๆ ตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นร่างกายได้ด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่า คอลลาเจนมันคือคอลลาเจนตัวเดียวกันกับคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณผู้หญิงทั้งหลายเต่งตึงนั่นเอง และเพราะฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินซีนั่นเอง คุณๆทั้งหลายที่อยากคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่ผิวสวยไว้นานๆน่าจะลองหันมารับประทานฝรั่งเป็นประจำ

7. ส้ม

แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรม-ชาติ การรับประทานส้มโดยไม่คายกากจะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ หากรู้สึกหิวก่อนเวลา แทนที่จะนึกถึงเค้กก้อนโต หรือโดนัทชิ้นใหญ่ให้ลองหยิบส้มสักลูกเข้าปากแทนจะได้ประโยชน์มากกว่าในราคาที่ถูกกว่าด้วย

ผักและผลไม้ทั้ง 7 ชนิดที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น สำหรับคุณๆ ทุกท่านที่ต้องการรักษาสุขภาพ นอกจากผักผลไม้ทั้ง 7 นี้แล้วผักและผลไม้อื่นๆ ก็มีคุณประโยชน์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สถาบันโภชนาการแห่งชาติอเมริกาจึงได้แนะนำขนาดในการรับประทานผักผลไม้ในแต่ละวันว่า ควรจะรับประทานรวมกันให้ได้วันละครึ่งกิโล หรือ 5 ขีดจะช่วยให้คุณๆ ทั้งหลายมีสุขภาพแข็งแรง แจ่มใส ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมารบกว


ที่มา : pages. B Health