วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

กล้วยน้ำว้าแก้ลมพิษ




กล้วยน้ำว้าแก้ลมพิษ
เปลือกกล้วยแก้ผื่นแพ้ลมพิษเวลามดกัดแมลงต่อยหรือเป็นลมพิษ จะรู้สึกคันมากๆยิ่งเกาก็ยิ่งคัน บางทีเกาจนถลอกปอกเปิกไปเลยก็มี ลองใช้เปลือกกล้วยดูสิหายปลิดทิ้งภายในหนึ่งนาทีเลย เอาเปลือกกล้วยโดยเฉพาะกล้วยน้ำว้าดีที่สุด เอาด้านในของเปลือกกล้วยสุกมาทาตรงบริเวณที่มีผื่นคัน รับรองหายปลิดทิ้ง


ขอขอบคุณข้อมูลจากชมรมรักษ์สุขภาพ via 

นานาสาระเพื่อสุขภาพที่ดี  on FB

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สูตรดีท๊อกสำใส้อย่างง่าย ๆ


สูตรดีท๊อกสำใส้อย่างง่าย ๆ
ด้วย "โยเกิร์ต นมสด น้ำผึ้ง มะนาว"
วันนี้มีวิธีทำความสะอาดลำไส้และทำให้หน้าท้องเล็กลงได้มาให้ วิธีนี้ง่ายและทำได้จริง ลำไส้ของเราเมื่อมีไขมันเกาะมาก ไขมันเหล่านี้จะทำให้กระเพาะอาหารตับม้ามดูดซึมทุกอย่างได้ไม่ดีส่วนผสมมีดังนี้
1. โยเกิร์ต ครึ่งถ้วย
2. นมสด 1 กล่อง
3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
4. มะนาว 1 ลูก
วิธีทำ
นำเครื่องปรุงทั้งหมดผสมให้เข้ากันชิมรสตามใจชอบ
ต้องดื่มตอนเช้า มื้อเดียวก่อนอาหาร มื้ออื่นไม่เห็นผล มะนาวก็ควรบีบแล้วกินทันที เพื่อรักษาคุณสมบัติวิตามินซีไว้ และควรดื่มน้ำตาม 1-2 แก้ว จะเห็นผลดียิ่งขึ้นแน่นอนน ทานแต่เช้าทานข้าวเช้าก็ทานปรกติ รับรองงระบบเมตาบอลิซึ่มก็ทำงานเพิ่มสองเท่า ข้าวเช้าก็ไม่อดด สุขภาพดี หน้าใสเพราะส่วนผสมต่างๆเมื่อรวมกันแล้วกินลงไปมันจะช่วยในการปรับธาตุ ซึ่งการปรับธาตุ กินวันแรกๆ จะเห็นเลยว่าอุจจาระจะเป็นสีดำ และ ไล่ลมในกระเพาะดีมาก ระยะต่อมา เมื่อลำไส้และกระเพาะอาหารในร่างกายปรับตัวได้กับอาหารที่กินแล้วจะเข้าสู่ ภาวะปกติ แต่ต่อมาจะมีความรู้สึกว่าหน้าท้องยุบลงไปเรื่อยควรกินทุกเช้าติดต่อกันทุกวันแต่เนื่องจากให้ฤิทธิ์ร้อนควรทานผักที่มีฤิทธิ์เย็นสร้างสมดูลย์ร้อนเย็นด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก


วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ลูกเดือย บำรุงกระดูก-สายตารักษาโรคเบาหวาน



ลูกเดือย บำรุงกระดูก-สายตารักษาโรคเบาหวาน

ลูกเดือยจัดเป็นพืชตระกูลข้าว ในปัจจุบันนิยมนำมาเป็นส่วนผสมหนึ่งของน้ำ RC น้ำเพื่อสุขภาพคนที่ชอบกินอาหารเจ คงรู้จักลูกเดือยดี ในตำรายาจีนกล่าวว่า ลูกเดือย รสชุ่มจืด เย็น แก้ร้อนใน บำรุงไต บำรุงม้าม ปอด กระเพาะอาหาร ม้าม ขับปัสสาวะ รวมทั้งบำรุงเลือดลมในสตรีหลังคลอด รักษาอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย แก้ไข้ เหน็บชา ชักกระตุก สตรีตกขาวมากกว่าปกติ
ในตำรายาจีนจึงมักใช้ลูกเดือยบดผสมข้าว ต้มเป็นข้าวต้มกินทุกวันเพื่อบำรุงกำลัง หล่อลื่นกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้บวมน้ำ ปวดข้อไขข้ออักเสบ ปวดเข่าเรื้อรัง บำรุงม้าม ตับ ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ แก้ไข้ แก้ท้องเสีย แก้ทางเดินหายใจ เหน็บชา แก้ชักกระตุก ปอดอ่อนแอไอเป็นเลือด แก้อาการ ตกขาวผิดปกติ ช่วยย่อยอาหาร บำรุงเส้นผมและผิวหนัง แก้ร้อนในกระหายน้ำ ลดการเกิดกระ รักษาโรคหูด นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการรับประทานลูกเดือยต้มน้ำตาลสามารถที่จะแก้ร้อนในได้
เมื่อพิจารณาส่วนประกอบทางเคมีของลูกเดือยมี คาร์โบไฮเดรต ๕๘-๖๒ % - ไขมัน ๕ % - โปรตีน ๑๒ % - น้ำ ๑๐.๘ % - ใยอาหาร ๘.๔ %
นอกจากนี้ในลูกเดือยยังมีวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ เช่น ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคลเซียม วิตามินเอ วิตามินบีหนึ่ง เป็นต้น ดังนั้นลูกเดือยเป็นอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกายสูง จึงมีสรรพคุณในการบำรุงกำลัง และการที่มีวิตามินบีหนึ่งสูงจึงช่วยแก้เหน็บชาตามความเชื่อของชาวจีน
มีข้อมูลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ว่าสาร coxenolide ในเมล็ดเดือยมีสรรพคุณในการยับยั้งการเจริญของเนื้องอก และพบว่าสารสกัดด้วยน้ำหรือตัวทำละลายอินทรีย์ จากรากหรือเมล็ดเดือยมีฤทธิ์ทำให้การหมุนเวียนของเลือดที่ผิวหนังดีขึ้น ทำให้เส้นผมเจริญดีขึ้น ลูกเดือยยังมีสรรพคุณในการรักษาโรคหูดที่มักจะเป็นเรื้อรัง ซึ่งอาจเป็นเพราะสารจากลูกเดือยมีฤทธิ์ทำให้เลือดมาเลี้ยงที่ผิวหนังดีขึ้น หรือจากฤทธิ์ยังยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก
สำหรับน้ำลูกเดือยให้ฟอสฟอรัสสูงมากช่วยบำรุงกระดูก รองลงมามีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา บำรุงธาตุ เป็นอาหารสำหรับคนไข้พักฟื้น ช่วยเจริญอาหาร ลูกเดือย มีกรดอะมิโนที่กระตุ้นให้เซลล์สมองหลั่งสารที่ทำให้นอนหลับ สมองที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา จะได้หยุดพักชั่วคราว จึงแนะนำให้ผู้ที่นอนไม่หลับ ดื่มน้ำอุ่นผสมลูกเดือยจะช่วยให้นอนหลับได้
คุณค่าลูกเดือยยังมีอีกมากเพราะลูกเดือยมีกรดอะมิโนทุกชนิดที่สูงกว่าความต้องการตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก ยกเว้นเมทไธโอนีนและไลซีน เช่น มีกรดกลูตามิกในปริมาณมากตามด้วยลูซีน, อลานีน,โปรลีน วาลีน, ฟินิลอลานีน, ไอโซลูซีน และอาร์จีนีนลดหลั่นลงมา แถมลูกเดือยยังมีกรดไขมันจำเป็นชนิดที่ไม่อิ่มตัวด้วย เช่น กรดโอเลอิค และกรดลิโนเลอิก รวมแล้วถึง ๘๔ % และเป็นกรดไขมันชนิดอิ่มตัว คือ ปาล์มิติ และสเตียริก เพียง ๑๖ % เท่านั้น
ลูกเดือยเป็นอาหารที่มีคุณภาพคับเมล็ดจริงๆ เพราะให้ทั้งพลังงาน ไขมัน แร่ธาตุ และกรดที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างยอดเยี่ยม รู้อย่างนี้แล้วบรรดา ส. (สูงวัย) ทั้งหลายรีบหามากินกันนะครั
วิธีทำน้ำลูกเดือย นำลูกเดือยดิบมาประมาณ ๔ ถ้วยตวง ล้างน้ำให้สะอาด ใส่หม้อเติมน้ำประมาณ ๑๐ ถ้วยตวง ตั้งไฟเคี่ยวจนลูกเดือยสุกเปื่อย ใส่น้ำตาลทราย ๒ ถ้วยตวง เกลือป่นเสริมไอโอดีน ๑ ช้อนชา พักไว้ให้เย็น แล้วใส่ในเครื่องปั่น ปั่นให้ละเอียด ก็จะได้น้ำลูกเดือยกินเพื่อสุขภาพ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก จำรัส เพชรนิล
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ประโยชน์ของลูกเดือย

ลูกเดือยมีคุณค่าทางอาหารสูง เพราะมีปริมาณโปรตีน 13.84% คาร์โบไฮเดรต 70.65% ใยอาหาร 0.23% ไขมัน 5.03% แร่ธาตุต่างๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะฟอสฟอรัสมีอยู่ในปริมาณสูงมากเมื่อเทียบกับธัญพืชชนิดอื่นๆ ซึ่งช่วยบำรุงกระดูก ฟัน เหมาะสำหรับผู้มีภาวะกระดูกพรุน วัยทอง เป็นอย่างมาก รวมทั้งมีวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา วิตามินบี 1 และวิตามินบี 2 โดยเฉพาะวิมามินบี 1 มีในปริมาณมาก (มีมากกว่าข้าวกล้อง) ซึ่งช่วยแก้โรคเหน็บชาด้วย

ลูกเดือยมีโปรตีนสูงเทียบเท่าโปรตีนที่ได้จากข้าวโอ๊ต มีกรดอะมิโนทุกชนิดในลูกเดือยสูงกว่าความต้องการตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก และกรดอะมิโน เป็นตัวสำคัญที่ช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น เพราะกรดอะมิโนจะไปกระตุ้นให้เซลล์สมองหลั่งสารที่ทำให้นอนหลับ สมองก็จะพักการทำงานชั่วคราว ยิ่งกว่านั้นลูกเดือยยังมีกรดไขมันจำเป็นชนิดที่ไม่อิ่มตัวด้วย เช่นกรดโอเลอิค

จากงานวิจัยพบว่า ลุกเดือย-ธัญพืชมหัศจรรย์ชนิดนี้ มีสารโคอิกซีโนไลด์ (Coixenolide) ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ช่วยย่อยอาหาร ช่วยลดน้ำตาลและไขมันในเลือด ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน ป้องกันหวัด บำรุงไต ลดความดันเลือดได้อีกด้วย

เคล็ดลับการหุงลูกเดือยให้อร่อย

หุงลูกเดือยผสมกับข้าวกล้อง มีวิธีทำดังนี้

1. แช่ลูกเดือย (เลือกพันธุ์ตามชอบ) ในน้ำทิ้งไว้ 6 ชั่วโมงถึง 1 คืน เพื่อให้เมล็ดดูดซับน้ำไว้จนอิ่มตัว (ถ้าไม่แช่น้ำเวลาต้มเมล็ดจะสุกยากหรือแข็งเป็นไต)

2. เทน้ำที่แช่ทิ้ง เติมน้ำสะอาดลงไป นำไปต้มจนลูกเดือยสุก โดยสังเกตว่าเมล็ดจะใส หรือตักเมล็ดขึ้นมาบี้ดู เนื้อจะนิ่ม

3. หากต้องการลดระยะเวลาในการต้ม สามารถใส่เบกกิ้งโซดาเล็กน้อยลงไปในน้ำต้ม จะช่วยทำให้เมล็ดสุกเร็วขึ้

4. ปิดไฟ ใช้กระชอนตักเมล็ดขึ้น แล้วแช่ลงในน้ำธรรมดาหรือน้ำเย็น เพื่อให้เมล็ดกระจายตัว ไม่เกาะกันเป็นก้อน จากนั้นยกกระชอนขึ้น สะเด็ดน้ำ ตักลูกเดือยใส่ถุงพลาสติคในปริมาณที่จะกินแต่ละวัน มัดปากถุงให้แน่น แล้วนำไปแช่ในตู้เย็นช่องแช่แข็ง

5. เมื่อจะหุงข้าว นำลูกเดือยออกจากตู้เย็น หลังซาวข้าวกล้องเรียบร้อยแล้ว ใส่ลูกเดือยแช่แข็งลงไป ปิดฝาหม้อ กดปุ่มหุงข้าวได้ทันที ลูกเดือยจะกระจายตัวผสมรวมกับข้าวกล้อง และไม่ทำให้ข้าวกล้องแฉะ

ซุปลูกเดือย

ส่วนผสมซุปลูกเดือย

ลูกเดือย 1 ถ้วย

อกไก่ 1 ชิ้น

แครอทสับ 1/2 ถ้วย

หอมหัวใหญ่สับ 3 ช้อนโต๊ะ

เห็ดหอมหั่นบาง 1/4 ถ้วย

โรสแมรี่ 1/2 ช้อนชา

นมสด 1/2 ถ้วย

พริกไทย 1 ช้อนชา

เกลือ 1 ช้อนชา

น้ำตาล 1 ช้อนชา

พาเมซานชีสนิดหน่อย

วิธีทำซุปลูกเดือย

1. ต้มลูกเดือยให้สุกก่อน นำอกไก่มาหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋า

2. นำหม้อตั้งน้ำให้ร้อน ใส่อกไก่ลงไป พอเดือดก็ใส่ส่วนผสมลูกเดือยที่เราต้มแล้ว ใส่แครอทสับ ใส่หอมหัวใหญ่สับ ใส่เห็ดหอมหั่นบาง ใส่นมสด แล้วต้มให้สุก

3. พอสุกก็ใส่ โรสแมรี่ พริกไทย เกลือ น้ำตาล ชิมรสอีกครั้ง แล้วตักใส่ถ้วยโรยหน้าด้วยพาแมซานชีส ก็พร้อมเสิร์ฟ

หากไม่ชอบทานเนื้อไก่ สามารถเปลี่ยนเป็น หอยนางรม หอยเชลล์ ก็ได้ หากชอบรสจัดก็เติมเกลือและน้ำตาลเพิ่มได้ตามชอบ

กินลูกเดือยสลับกับกินธัญพืชชนิดอื่นๆ รับรองว่า ความฉลาด หุ่นดี อ่อนเยาว์ และอายุยืน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=pornmaihom&month=07-10-2012&group=5&gblog=35

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558

น้ำมันมะพร้าวผัดมะระเพื่อสุขภาพ


น้ำมันมะพร้าวผัดมะระเพื่อสุขภาพที่ดี
ผัดมะระ ต้านเบาหวาน มีสมุนไพรช่วยลดน้ำตาลในเลือด
สิ่งที่ต้องเตรียม
1. น้ำมันมะพร้าว หรือ หัวกะทิสด
2. กระเทียม สับละเอียดหรือตำ
3. หัวหอมใหญ๋ หั่นตามยาวหัวชื้นเล๊กๆ
4. พริกเม็ดใหญ่ 3 สี เหลือง แดง เขียว หั่นแช่น้ำ หรือสีใดสีหนึ่ง
5. มะระลูกยาว เอาเมล็ดออกโดยผ่ายาว ตลอดแนวลูกหั่น
ขวางบางๆ แช่น้ำเกลือ หรือถ้าชอบขมก๊ไม่ต้องแช่น้ำเกลือ
6. ไข่ขาว ( ไข่แดงใช้ทำอาหารให้เด็กๆ ดีต่อสมองมาก หรือสัตว์เลี้ยง หรือหมักปุ๋ยเอนไซม์ อายุมากขึ้นอย่าเสียดายไข่แดง ไม่ควรกิน เพราะมีคอเลสเตอรอลสูง เป็นโทษกับร่างกายไม่ว่าจะไข่แดงจากสัตว์ชนิดไหนก็ตาม )
7. เครื่องปรุงรส น้ำซุป หรือน้ำเปล่า
( ไม่ได้บอกอัตราส่วนนะคะทุกอย่างโดยประมาณพอเหมาะในการทำแต่ละครั้ง เพราะแต่ละบ้าน ทำอาหารมากน้อยไม่เท่ากัน )
วิธีทำ
ตั้งกระทะให้ร้อนใส่น้ำมันมะพร้าวหรือหัวกะทิสด คนไปมาให้เป็นน้ำมัน นิดๆ กระเทียมเจียวพอหอม นำมะระใส่ผัดให้สุก ปรุงรสเติมน้ำซุปหรือน้ำเปล่าพอประมาณพอเดือดใส่ไข่ เหมาะต่อผู้เป็นโรคเบาหวานมาก เพราะ มี พืช 4 ชนิด ต้านโรคเบาหวาน ลดน้ำตาลในเลือด ที่ได้รับการวิจัยและทดลองแล้วได้ผลจริง คือ กระเทียม พริก ห้วหอมใหญ่ มะระ และน้ำมันมะพร้าว ที่ให้พลังงานอย่างดี ต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน น้ำมันมะพร้าวช่วยให้ผู้เป็นโรคเบาหวานไม่อ่อนเพลีย ฯลฯ

ด้วยความปรารถนาดี กานดา แสนมณี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.gotoknow.org/posts/301301
via pages: นานาสาระเพื่อสุขภาพที่ดี on FB

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

20 เมนูลดน้ำหนัก แคลอรี่ต่ำ กินมื้อเย็น ก็ผอมได้


20 เมนูลดน้ำหนัก แคลอรี่ต่ำ กินมื้อเย็น ก็ผอมได้


  เคยได้ยินไหมที่เขาบอกว่า “มื้อเช้ากินอย่างพระราชา มื้อกลางวันกินแบบคนธรรมดา มื้อเย็นกินแบบยาจก” เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นว่ามื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ สาวๆ women mthai สามารถทานอาหารได้อย่างตามใจปาก เพราะร่างกายต้องการพลังงานเพื่อไปเผาผลาญตลอดวัน แต่มื้อเย็นควรกินน้อยๆ เรียกว่าเป็นมื้อเบาๆ ก่อนที่เราจะเข้านอน หลังจากนั้นร่างกายก็แทบจะไม่เผาผลาญพลังงานอีกเลย มันจึงสะสมอยู่ตามแขน ขา สะโพก และ บั้นท้าย

       หลังจากนี้คุณต้องปรับเปลี่ยนอาหารการกินซะใหม่ ที่สำคัญมื้อเย็นไม่จำเป็นต้องงดเลย เพราะยิ่งงดเราก็ยิ่งอยากกินหิวมากกว่าเดิม พอได้กินก็จะจัดหนักกินทีละเยอะๆ เรามาเริ่มจากการกินอาหารมื้อเย็น คือ ต้องกินแบบพอเพียง ไม่ต้องจัดหนักจัดเต็ม มาดูรายการ เมนูลดน้ำหนัก สำหรับ มื้อเย็น ที่กินแล้วรับรองไม่อ้วน!!

 ส้มตำไทย 60 แคลอรี่

 แกงจืดมะระยัดไส้ 90 แคลอรี่

 ยำวุ้นเส้น 120 แคลอรี่


 ซุปไก่ 120 แคลอรี่

 เส้นหมี่น้ำใส 200 แคลอรี่

 แกงเห็ดรวม 90 แคลอรี่

 ต้มยำกุ้งน้ำใส 90 แคลอรี่

 ต้มเลือดหมู 120 แคลอรี่

 ส้มตำปู 35 แคลอรี่

 ซุปหน่อไม้ 90 แคลอรี่

 แกงจืดเต้าหู้หมูสับ 80 แคลอรี่

 แกงจืดตำลึงหมูสับ 90 แคลอรี่

 โจ๊กหมู 160 แคลอรี่
ห้ามใส่ไข่ เพราะโจ๊กหมูใส่ไข่  แคลอรี่สูงถึง 250

 แกงเหลือง 80 แคลอรี่

 แกงส้มผักรวม 100 แคลอรี่

 กระเพาะปลา 250 แคลอรี่

 ก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตกน้ำ 180 แคลอรี่


ต้มจับฉ่าย 90 แคลอรี่


ซุปมิโซะ 50 แคลอรี่

น้ำพริกผักต้ม 70 แคลอรี่

ข้าวประมาน 1 ทัพพี 80kcal ครับเต็มจานทั่วไปประมาน 150-200 kcal จ้า

credit : woman.mthai.com via http://ecepost.com/viewtopic.php?id=701244033









































































































































































































































Chocolate ice cream waffles.


Chocolate ice cream waffles.

Yumminess

Yumminess

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558

"กล้วยน้ำว้าดองน้ำผึ้ง" ตำรายาอายุวัฒนะ


ตามหา " สูตรกล้วยน้ำว้าดองน้ำผึ้ง " ตำรายาอายุวัฒนะ
เมื่อ พ.ศ.2510 ข้าพเจ้า (หมายถึงผู้เผยแพร่นะครับ) ได้ไปที่จังหวัดอุดรธานี ได้ไปพบพระยาอุดรฯ ซึ่งขณะนั้นท่านมีอายุ 82 ปีท่านเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า เมื่อท่านมีอายุ 52 ปี สุขภาพทรุดโทรมมาก ถึงกับต้องลาออกจากราชการก่อนเกษียณ

แต่ปัจจุบันท่านสามารถเล่นกอล์ฟ แทงบิลเลียด และเต้นรำได้ดุจคนหนุ่มๆ มิหนำซ้ำยังมีอนุภรรยาได้ด้วย


ข้าพเจ้าถามท่านว่าท่านมีอะไรดี ถ้าไม่สงวนขอได้ไหม ?
ท่านได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า พระธุดงค์รูปหนึ่งเป็นผู้บอกตำรายานี้ให้กับท่าน ท่านได้รับประทานยาขนานนี้มาเป็นเวลากว่า 30 ปี


และข้าพเจ้าก็ได้ทำยาขนานนี้รับประทานมา 8-9 ปีแล้ว รู้สึกว่าได้ผลดีมาก จึงได้แนะนำยานี้ไปทั่ว จนบางคนถึงกับขนานนามข้าพเจ้าว่า “อาจารย์กล้วยน้ำว้าดองน้ำผึ้ง” ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่ถือ เพราะถือว่าเอาของดีมาเผยแพร่



ตำรายาอายุวัฒนะ


เอากล้วยน้ำว้าชนิดงอมจัดๆ
คือ เปลือกกล้วยเริ่มมีจุดดำบ้างแล้ว มาปอกเปลือกออกแล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆ ดุจหั่นแตงกวา
ปริมาณ 10 ผล ต่อน้ำผึ้ง 1 ขวดกลม (750 มล.)

จะดองครั้งละกี่ขวดก็ได้ ตามส่วนที่ได้แจ้งมา
ส่วนน้ำผึ้งนั้น ไม่จำเป็นจะต้องเป็นน้ำผึ้งแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยคงหายาก

นำส่วนผสมมาใส่ขวดโหลดองเอาไว้ อย่าใส่ให้เต็มโหล ประเดี๋ยวจะฟูและล้นมานอกโหล


ต้องดองให้ครบ 3 เดือน จึงจะใช้ได้


ระหว่าง 3 สัปดาห์แรก กล้วยจะลอยอยู่ข้างบนและจะมีรา จงใช้ไม้ตะเกียบคนให้กล้วยข้างบนจมลงไปอยู่ด้านล่าง

ต่อไปก็จะมีราขึ้นอีก หมั่นคนจนไม่มีราเกิดขึ้นอีก

เมื่อครบ 3 เดือนแล้ว จงเอาผ้าบางมากรองโดยไม่ต้องคั้น

น้ำจะใส มีรสเปรี้ยวนิดๆ

เอากากกล้วยทิ้งไป กินแต่เฉพาะส่วนที่เป็นน้ำ

กินคืนละ 1 ถ้วยชาจีน หรือประมาณ 4 ช้อนคาว กินทุกคืนก่อนนอน

ถ้ารับประทานมากเกินไปจะร้อนจนทนไม่ไหว

เมื่อกินไปได้ 15 วัน ท่านจะรู้สึกตัวทันทีว่า ร่างกายอบอุ่นและกระชุ่มกระชวยผิดธรรมดา

เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือ “รีดเดอร์ไดเจสต์” ของต่างประเทศ

เขาก็มีอยู่บทหนึ่งที่กล่าวว่า

เมื่อเชื้อเห็ดราของผลไม้ผสมกับน้ำผึ้งแล้ว จะทำให้เกิดปฏิกิริยา คือสามารถสร้างฮอร์โมนในร่างกายของคนเราได้

คือต้องการเชื้อเห็ดราของกล้วยนั่นเอง มาตรงกับยาอายุวัฒนะของไทยเรา

เมื่อท่านลองแล้วท่านจะเห็นผลเอง

ยาขนานนี้ไม่แต่เป็นยาอายุวัฒนะเพียงอย่างเดียว ยังเป็นยาเตะปี๊บพังด้วย

คำพังเพยของไทยเรากล่าวว่า

“ตากแดดตากลม เพราะอ้ายนมสองเต้า ลำบากยากเข็ญ เพราะเอ็นอันเดียว” ก็คงเป็นจริงอยู่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.coastalaqua.com/webboard/index.php?topic=4923.0

via pages: นานาสาระเพื่อสุขภาพที่ดี



pages: ยายพรลี่ คนสวย >>ดองมา8เดือนค่ะ