5 อาหารเบิร์นแคลอรี กระชับหุ่นเพรียว ไร้พุงโย้กวนใจ !
1. เมล็ดเจีย
ธัญพืชตัวจิ๋วที่มากด้วยคุณประโยชน์ จัดเป็นสมุนไพรในแถบอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ ที่ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน, โรคอ้วน, โรคหัวใจและหลอดเลือด แถมที่สำคัญยังเป็นสุดยอดตัวช่วยลดน้ำหนัก แคลอรีต่ำ ! เมล็ดเจียนั้นอัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน ไฟเบอร์ โอเมก้า 3 โอเมก้า 6 แคลเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเมื่อนำไปผสมรวมกับน้ำ น้ำผลไม้ หรือนม (ช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับอาหาร) มันสามารถขยายพองตัวขึ้นมาได้อีก 12 เท่า และนั่นจะช่วยทำให้คุณอิ่มสบายท้องได้นานขึ้น จนไม่รู้สึกหิวระหว่างวัน อีกทั้งยังย่อยง่าย และร่างกายไม่สะสมเป็นไขมันส่วนเกินให้คุณกังวลใจด้วย
หนึ่งช้อนเพียวๆ ของเมล็ดเจีย ประกอบไปด้วยสารอาหาร 2,500 มิลลิกรัมของกรดไขมันโอเมก้า 3, 4.5 กรัมของไฟเบอร์ และ 3 กรัมของโปรตีน
ป.ล. เมล็ดเจียมีสารต้านอนุมูลอิสระ แร่ธาตุ และวิตามินมากกว่าในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ การเพิ่มเมล็ดเจียในน้ำผลไม้ที่มีสาร 'เรสเวอราทรอล' เช่น น้ำทับทิม หรือน้ำผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ จะช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระในเครื่องดื่มนั้นๆ ด้วย
2. ตระกูลเบอร์รี่
ไม่เพียง 'ตระกูลเบอร์รี่' จะเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินมากมาย ทั้งวิตามิน A, B, C, E, K, โพแทสเซียม และสาร 'โพลีฟีนอล' ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด รวมถึงป้องกันโรคหัวใจ และหลอดเลือดต่างๆ แล้ว มันยังเป็นผลไม้ระดับพรีเมียมช่วยลดน้ำหนัก-ความอ้วนของสาวๆ กันด้วย โดยมันจะเข้าไปขัดขวางการเก็บไขมันสะสมในร่างกาย ต้านโรคเบาหวาน (สารโพลีฟีนอล: ลดระดับน้ำตาลในเลือด) จัดการโรคอ้วน และกำจัดไขมันส่วนเกินได้ผลดีเกินคาด
ผลไม้เบอร์รี่โดดเด่นที่เราแนะนำ ก็อย่างเช่น แครนเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แหล่งพลังงานคุณประโยชน์สูง-แคลอรีต่ำ เส้นใยอาหารในตระกูลเบอร์รี่จะช่วยทำให้คุณรู้สึกอิ่มเร็ว และอิ่มนานกว่าเดิม หากคุณทานทุกวันหลังอาหารเช้า มันจะช่วยให้หน้าท้องของคุณจะค่อยๆ ยุบลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะคุณจะไม่รู้สึกหิว หรืออยากทานอะไรเลยเกือบตลอดช่วงบ่าย (แม้คุณจะทานเยอะแค่ไหนก็ไม่ทำให้น้ำหนักขึ้นตาม) แถมผลไม้เหล่านี้ยังช่วยให้การย่อยอาหาร และการขับถ่ายทำงานเป็นระบบมากขึ้น รวมถึงลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ด้วย คราวนี้ล่ะ คุณจะใส่เสื้อเอวลอยแค่ไหนก็เอาอยู่ … จัดไปเลย !
3. ผลอะโวคาโด
หนึ่งในผลไม้หาได้ยาก ที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน, วิตามิน, สารต้านอนุมูลอิสระ 'ไฟโตนิวเทรียนท์', และไฟเบอร์ (ที่อุดมอยู่ถึง 11-17 กรัม ต่ออะโวคาโดหนึ่งผล) ช่วยให้การย่อย และระบบขับถ่ายคล่องเป็นระบบมากขึ้น (ตัดปัญหาท้องผูก หน้าท้องบวมป่องเพราะขับถ่ายไม่คล่องไปเลย) อีกทั้งยังช่วยดูดซึมสารพิษตกค้างในลำไส้ ให้ระบายออกมาในรูปของเสีย ให้คุณรู้สึกโล่งท้อง-สบายตัวมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะหน้าท้องของคุณจะยุบสลิมขึ้นจนคุณรู้สึกได้ … เชื่อเถอะว่าคุณจะหลงรักมันเข้าอย่างจัง !
นอกจากนี้ น้ำมันอะโวคาโด ยังช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด มีอยู่สูงในแหล่งที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 9 'กรดโอเลอิก' อย่างเช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วลิสง น้ำมันคาโนลา น้ำมันดอกทานตะวัน เมล็ดงา ถั่วพิตาชิโอ และอัลมอนด์ ...
4. ธัญพืช 'ควินัว'
มันอาจดูแปลกตา และไม่ค่อยคุ้นหูสำหรับบางคน หากแต่คุณรู้ไหมว่า พืชตระกูลข้าวชนิดนี้ให้คุณค่าทางอาหารสูง มีคุณประโยชน์ไม่แพ้ข้าวสาลี และข้าวบาร์เลย์เลย ซึ่งคุณสามารถใช้ทานแทนข้าวได้ (มันมีโปรตีนที่สูงกว่า) ควินัวให้สารอาหารมากกว่าธัญพืชอื่นๆ มีทั้งโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียมสูง ธาตุเหล็ก ไขมันดีที่จำเป็นต่อร่างกาย และให้ไฟเบอร์มากกว่าข้าวกล้องถึง 2 เท่า ! รวมทั้งเป็นแหล่งรวมกรดอะมิโน กรดเอซิด และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเกินไป และควบคุมระบบการย่อยอาหาร
อย่างไรก็ดี ควินัว เป็นอาหารที่เหมาะกับคนที่ต้องการลดน้ำหนักมากที่สุด เพราะไม่เพียงจะให้พลังงานแคลอรีต่ำแล้ว ยังทำให้คุณไม่รู้สึกหิวบ่อย-อิ่มท้องไม่ต่างจากการทานขนมปัง หรือข้าวซะเท่าไหร่ (มันอาจให้คาร์โบไฮเดรตสูงกว่าธัญพืชชนิดอื่นๆ แต่มันเน้นให้พลังงานกับร่างกายมากกว่าตกค้างจนทำให้อ้วน) มันทำให้คุณลืมสแน็กทานเล่นจุกจิกไปได้เยอะเลยล่ะ เมื่อคุณไม่ทานตลอดเวลา หุ่นสวยๆ ก็รอคุณอยู่ไม่ไกล !
ป.ล. ถึงจะเป็นอาหาร 'ซุปเปอร์ฟู้ด' ช่วยลดอ้วน แต่มันก็มีกรด 'ออกซาลิก' อยู่สูง (สูงกว่ากรดน้ำส้ม 10,000 เท่า) ฉะนั้นหากคุณทานเยอะ อาจทำให้คุณเกิด 'นิ่วในไต' ได้ ในภาวะที่ปัสสาวะเป็นกรด
5. พริกชี้ฟ้า
สวรรค์ของคนทานเผ็ด ที่ไม่แค่จะทำให้ซี้ดซ้าด เผ็ดร้อนเท่านั้น แต่สาร 'แคปไซซิน' ในพริก ยังช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดลง ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น, หลั่งสาร 'อะดรีนาลีน' กระตุ้นการตื่นตัวของร่างกาย และหลั่งสาร 'เอนดอร์ฟิน' ช่วยให้คุณรู้สึกอารมณ์ดี มีความสุขมากขึ้น ที่สำคัญมันยังเพิ่มการเผาผลาญระหว่างที่คุณรับประทานอาหารอีกด้วย (ทั้งระหว่างการย่อย และการดูดซึม) ช่วยคุณเบิร์นไขมันส่วนเกิน และชั้นห่วงยางหน้าท้องให้หมดไป แถมยังช่วยขับเหงื่อ กระชับสัดส่วนหุ่นให้เฟิร์มขึ้นด้วย หากคุณเป็นคนไม่ชอบทานเผ็ด ลองปรุงความเผ็ดร้อนดูสักนิด (อาจไม่ต้องเผ็ดมาก แค่พอมีรสชาติ) แล้วคุณจะรู้สึกได้ถึงน้ำหนักตัวที่ลดลง และหน้าท้องที่แบนราบขึ้น ไม่มีอาการพุงหย่อน ลงพุงเพราะไขมันสะสมให้เห็นแน่นอน !
ที่มา : womenshealthmag.com
via http://www.thairath.co.th/content/489892
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น