วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558

10 ประโยชน์ของโยเกิร์ต


10 ประโยชน์ของโยเกิร์ต ที่คุณอาจยังไม่รู้

โยเกิร์ต คือ ผลิตภัณฑ์จากนมซึ่งเกิดจากการหมักระหว่างนม และโปรไบโอติกส์ หรือ แบคทีเรียดี ๆ ที่ยังมีชีวิต เมื่อเรากินเข้า ไป แบคทีเรียเหล่านี้ก็จะไปสร้างความสมดุลให้จุลินทรีย์เจ้าถิ่นในลำไส้ ผลก็คือ ระบบขับถ่ายและสุขภาพโดยรวมของเราจะดีขึ้นนั่นเองโยเกิร์ตเป็นอาหารที่ดูดี มีชาติตระกูล เหมาะกับสาวรุ่นใหม่อย่างเราเป็นที่สุด

แต่เบื้องหลังหน้าตาสวยใส การทานโยเกิร์ตที่ได้ผลที่สุดควรจะทานโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่ไม่มีการ แต่งกลิ่นแต่งรสเพิ่มน้ำตาลลงไป แต่ถ้าไม่ชอบความเปรี้ยวของมัน จะเอาไปทานแทนมายองเนสหรือปั่นรวมกับผลไม้ให้เป็นน้ำผลไม้อร่อยๆ ก็เป็นไอเดียที่ดี ทีมงาน toptenthailand ขอเสนอ 10 ประโยชน์ของโยเกิร์ตที่คุณอาจยังไม่รู้มาก่อน

1.โยเกิร์ตช่วยลดกลิ่นปาก ฟันผุ โรคเหงือก
มีการวิจัยจากแดนปลาดิบโน้นว่า การเลือกทานโยเกิร์ยสูตรไร้น้ำตาลนั้นจะช่วยลดอาการกลิ่นตุๆ ที่ปากได้ นอกจากนี้แมงก็ไม่มีทางกินฟันให้ผุแน่นอน แถมยังไม่มีโรคเหงือกให้เจ็บปวดเล่นอีกด้วยล่ะ ขอบอกนิดๆ น่ะว่าที่เราไม่มีกลิ่นมากนั้นก็เนื่องมาจาก แบททีเรียสองสหายทั้งแลคโตบาซิลลัสและสเตร็ปโตค็อสคัส ต่างช่วยกันขยันขันแข็งทำลายปริมาณไฮโดรเจนซัสไฟด์ที่เป็นต้นเหตุของอาการ กลิ่นปากนั้นเอง

2.โยเกิร์ตย่อยง่ายกว่านม
สาวๆ หลายคนร้องอี้เมื่อได้ยินคำว่านม ก็เพราะว่าดื่มนมทีไรมีอันต้องวิ่งเข้าห้องน้ำกันแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว นั่นเพราะว่าคุณนั้นไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสที่อยู่ในน้ำนมได้ แต่ถ้าคุณหันมาทานโยเกิร์ตรับรองได้ว่าไม่มีปัญหาเรื่องท้องเสียอย่างแน่นอน จ้า เพราะขั้นตอนการทำโยเกิร์ตนั้นน้ำตาลแลตโตสจะถุกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกาแลคโต สและกลูโคส โยเกิร์ตจึงทานง่ายแถมยังย่อยง่ายไร้ปัญหา

3.โยเกิร์ตย่อยง่าย
โยเกิร์ตย่อยง่าย เพราะน้ำตาลแลคโตสเป็นตัวหลักที่ทำให้เกิดการแพ้นมหรือท้องเสียถูกเปลี่ยน เป็นกรดแลคติกที่ย่อยง่าย นอกจากนนี้แบคทีเรียในโยเกิร์ตยังมีเอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีนนม เคซีน ซี่งเป็นโปรตีนย่อยยาก ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายขึ้น ลดปัญหาภูมิแพ้ต่อน้ำตาลแลคโตสและ โปรตีนเคซีน

4.ป้องกันมะเร็งได้
ป้องกันมะเร็งได้ด้วย เพราะแลคโตบาซิลัสจะสามารถจับกับสารก่อมะเร็งได้ และช่วยยับยั้งกลุ่มแบคทีเรียในลำไส้ที่สร้างสารไนเตรท ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งตัวหนึ่ง

5.ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ
ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ เพราะแลคโตบาซิลัสในนมเปรี้ยวจะช่วยควบคุมปริมาณคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ในเลือด อันเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจได้

6.ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ง่ายขึ้น
ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ง่ายขึ้น และกรดแลคติคในนมเปรี้ยว และโยเกิร์ตจะช่วยให้การย่อยแคลเซียมในนมดีขึ้น

7.แก้ท้องเสีย
คนที่ท้องเสียเป็นเพราะมีเชื้อจุลินทรีย์อยู่ในลำไส้ แต่เชื้อจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตเกิดมาเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดทั้งหลาย การกินโยเกิร์ตจึงทำให้อาการท้องเสียของคุณทุเลาอย่างรวดเร็ว ทำให้ถ่ายน้อยลงหรือหยุดถ่า

8.มีวิตามิน
ให้วิตามิน โดยเฉพาะไรโบฟลาวิน หรือ วิตามินบี 1 และวิตามินเคที่นมเปรี้ยว และโยเกิร์ตจะช่วยสังเคราะห์วิตามินในลำไส้

9.ป้องกันแผลในกระเพาะ
ป้องกันแผลในกระเพาะ แล็กโตบาซิลลัสจะช่วยหยุดยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ H.Pylori ซึ่งเป็นสาเหตุของแผลในกระเพาะกว่า 90%

10.ส่งเสริมภูมิคุ้มกัน
ส่งเสริมภูมิคุ้มกัน มีการศึกษามากมาย ชี้ว่าการกินโยเกิร์ตทุก ๆ วันจะช่วยป้องกันการติดเชื้อในร่างกาย ดังนั้น โปรไบโอติกส์สำคัญมาก ๆ เพราะมันช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันไปจนถึงระดับเซลล์ ซึ่งจะปกป้องคุณจากไวรัส ปรสิต และมะเร็ง คุณจะได้มีชีวิตยืนยาวยิ่งขึ้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Facebook การทำอาหาร และยาสมุนไพร เพื่อสุขภาพที่ดี
via fb.

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558

อยากให้อายุยืน ต้องขยันออกกำลัง

อยากให้อายุยืน ต้องขยันออกกำลัง

ด้วยความพยายามมุมานะจากการศึกษากับผู้คนชาวออสเตรเลียจำนวน 204,542 คน มาอย่างยาวนานเป็นเวลาถึง 6 ปี ทำให้นักวิจัยมหาวิทยาลัยเจมส์ คุก ได้ทราบความลับอันสำคัญอย่างยิ่งว่า ถ้าหากต้องการให้เป็นคนที่มีอายุยืน จะต้องขยันหมั่นออกกำลังอย่างหนักอยู่เป็นประจำ
นักวิจัยได้พบว่า คนที่มีประวัติอยู่ว่า ได้ทำการออกกำลังอย่างเข้มแข็งเท่านั้น เช่น ด้วยการวิ่งเหยาะๆ การออกกำลังแบบแอโรบิก หรือการแข่งขันเทนนิสเท่านั้น ถึงจะได้พรสวรรค์เหล่านั้น
เหล่าผู้ออกกำลังอย่างเข้มแข็งจะมีความคุ้มกันให้มีกำลังมีอายุยืนนาน เหนือกว่าผู้ที่ออกกำลังในระดับปานกลางระหว่าง 9 ถึง 13 เปอร์เซ็นต์
นักวิจัยได้กล่าวสรุปว่า ต่อให้เป็นคนอ้วนหรือเป็นโรคหัวใจ หรือเบาหวานด้วยก็ตาม แต่ถ้าหากมีมานะพยายามออกกำลังอย่างเข้มแข็งแล้ว ก็จะช่วยให้มีชีวิตยืนยาวได้อยู่ดี “ผลการศึกษาของเราส่อว่าด้วยอำนาจของการออกกำลังอย่างเข้มแข็งเท่านั้น จะทำให้แคล้วคลาดจากการตายด้วยสาเหตุที่อาจยับยั้งได้ตั้งแต่ต้นมือ”.
source.http://www.thairath.co.th/content/492985

วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2558

Sweet Potato Burritos



Sweet Potato Burritos
 Dec 23, 2014


ปอเปี๊ยะทอด



ปอเปี๊ยะทอด

ปอเปี๊ยะทอดเป็นอาหารว่างชนิดหนึ่งที่นิยมกินกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะกินง่าย มีรสชาติกลางๆ วิธีการทำไม่ยุ่งยาก ส่วนผสมก็หาซื้อง่าย แป้งที่ใช้ห่อก็ใช้แป้งชนิดเดียวกับแป้งโรตีสายไหม ส่วนผสมของไส้ดัดแปลงได้หลายอย่าง ถ้าไม่ชอบไส้หมูอาจเปลี่ยนเป็นไส้กุ้งก็ได้ ปรุงรสให้ถูกปากกินกับน้ำจิ้มและผักสด แต่ถ้าทำให้เด็กกินอาจใช้น้ำจิ้มบ๊วยเจี่ยก็ได้

เคล็ดลับ
1.ต้องผัดไส้ให้แห้งจะทำให้ห่อง่ายและแป้งไม่แฉะ
2.อย่าให้แป้งถูกลมจะทำให้ห่อยาก
3.น้ำมันที่ทอดต้องร้อน จะได้ไม่อมน้ำมัน
4.ต้องเคี่ยวส่วนผสมทั้งหมดของน้ำจิ้มก่อนยกเว้นพริกชี้ฟ้า ให้ใส่ตอนที่น้ำเชื่อมค่อนข้างอุ่น จะทำให้พริกสีสวยน่ากิน

(เครดิตภาพ : พรพนา กลิ่นบัว สิเนหก)


วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

ตะไคร้ กับ 7 คุณประโยชน์



ตะไคร้ กับ 7 คุณประโยชน์ที่รู้แล้วต้องทึ่ง
ตะไคร้ สมุนไพรใกล้ครัวที่เรานำมาใช้ปรุงอาหารกันมาอย่างช้านาน มาดูคุณประโยชน์ของมันที่เราอาจไม่เคยรู้
ตะไคร้ เจ้าสมุนไพรที่มีลักษณะเป็นกอ ที่เรานิยมปลูกไว้ตามบ้านและนำมาปรุงอาหาร เป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์และช่วยบรรเทาอาการของโรคบางชนิดได้ แต่หารู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว ภายใต้ต้นแข็ง ๆ และใบที่คมของตะไคร้ยังซ่อนคุณประโยชน์เอาไว้มากมายจนคาดไม่ถึง วันนี้เราไปดูประโยชน์ของตะไคร้ที่รู้แล้วต้องทึ่งที่นำมากจากเว็บไซต์ allwomenstalk.com กันดีกว่าค่ะ ใครที่ชอบกลิ่นหอม ๆ ของมัน จะต้องยิ่งรักเจ้าสมุนไพรชนิดนี้มากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
1.อุดมไปด้วยวิตามิน
อย่าคิดว่าตะไคร้มีประโยชน์แค่ใช้ปรุงอาหารเท่านั้น เพราะที่จริงแล้วตะไคร้นั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย ทั้งวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินบี นอกจากนี้ยังมีโฟเลต แมกนีเซียม สังกะสี ทองแดง ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมงกานีส โอ้โห้ ... วิตามินเยอะขนาดนี้คราวหน้าเจอตะไคร้ในอาหารก็อย่าเขี่ยทิ้งนะ
2.ช่วยไล่แมลง
นอกจากจะนำมาทำอาหารแล้ว ตะไคร้ยังมีประโยชน์ในการไล่แมลงอีกด้วย เพราะในตะไคร้มีน้ำมันหอมระเหยอยู่ทั้งในใบและในลำต้น ซึ่งน้ำมันหอมระเหยเหล่านี้มีคุณสมบัติในการไล่แมลงได้อย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์สบู่ ผลิตภัณฑ์ไล่แมลงที่มีส่วนผสมของตะไคร้วางขายอยู่ในท้องตลาดมากมาย ใครที่ชอบกลิ่นตะไคร้ละก็ลองหามาใช้ได้นะคะ
3.ล้างสารพิษ
สำหรับคนที่รักสุขภาพและชอบล้างพิษในร่างกายบ่อย ๆ ไม่ควรพลาดเจ้าตะไคร้เลยค่ะ เพราะว่ามันมีคุณสมบัติในการล้างสารพิษในร่างกายด้วยการทำให้คุณปัสสาวะบ่อยขึ้น เนื่องจากสารเคมีที่อยู่ในตะไคร้จะช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร อย่างเช่น ตับ ตับอ่อน ไต และกระเพาะปัสสาวะ ขับสารพิษและกรดยูริคออกจากร่างกาย ทำให้ระบบย่อยอาหารของคุณสะอาดขึ้น และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ
4.ช่วยย่อยอาหาร
ตะไคร้ช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นค่ะ เพราะมีศึกษาหนึ่งพบว่าการดื่มชาตะไคร้จะช่วยในการย่อย ลดอาการปวดท้อง แก้หวัด ลดอาการตะคริวในลำไส้ และท้องเสียได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันและลดแก๊สในลำไส้ได้อีกด้วย
5.ช่วยซ่อมแซมและบำรุงระบบประสาท
มีการศึกษาจำนวนไม่น้อยพบว่าตะไคร้สามารถช่วยซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงให้กับระบบประสาทได้ พิสูจน์ได้ง่าย ๆ ด้วยการนำน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มาหยดลงบนผิว คุณจะรู้สึกได้ว่ามันอุ่น ๆ ซึ่งมันจะทำให้กล้ามเนื้อของคุณผ่อนคลายมากและลดอาการตะคริวได้ แต่ก็อย่าลืมว่าทุกครั้งที่จะใช้น้ำมันหอมระเหยตะไคร้คุณควรที่จะผสมมันกับน้ำมันตัวพา (Carrier oil) และห้ามใช้น้ำมันหอมระเหยโดยตรงกับผิวเด็ดขาดค่ะ
6.ช่วยรักษาอาการอักเสบ
ตะไคร้สามารถช่วยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและบรรเทาอาการปวดต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดต่าง ๆ เช่น ปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ หรือการปวดตามข้อได้อีกด้วย ดังนั้นถ้าหากคุณรู้สึกปวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ลองหาน้ำมันที่ผสมน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มานวดดูนะคะรับรองว่าหายแน่นอน
7.ช่วยบำรุงผิว
ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้นมันจึงสามารถช่วยบำรุงผิวของคุณได้ ทำให้ผิวของคุณเปล่งประกายความมีสุขภาพดีออกมา แถมยังช่วยทำให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ และช่วยลดสิวต่าง ๆ ได้อีกด้วย
เห็นไหมคะว่า ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายมากมาย และเป็นสมุนไพรที่เราไม่ควรละเลย เลยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าหากอยากมีสุขภาพดีด้วยสมุนไพร ตะไคร้ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่เลวเลย แถมยังสามารถปลูกเป็นพืชสวนครัวในรั้วบ้านได้อีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://health.kapook.com/view101762.html
via นานาสาระเพื่อสุขภาพที่ดี

5 อาหารเบิร์นแคลอรี กระชับหุ่นเพรียว ไร้พุงโย้กวนใจ !

5 อาหารเบิร์นแคลอรี กระชับหุ่นเพรียว ไร้พุงโย้กวนใจ !

 บางทีฟิตเนสไม่ได้เป็นหนทางเดียวที่จะเนรมิตหุ่นสวยให้คุณ หากแต่อาหารที่คุณทานก็มีส่วนช่วยสำคัญไม่แพ้กัน สัปดาห์นี้เราจะพาคุณไปเจาะ 5 อาหารเบาๆ ที่จะช่วยกระชับหุ่นสวยเพรียวของคุณ แถมยังเป็นตัวเผาผลาญไขมันชั้นยอด จนอดไม่ได้ที่คุณจะหลงรัก …
1. เมล็ดเจีย
ธัญพืชตัวจิ๋วที่มากด้วยคุณประโยชน์ จัดเป็นสมุนไพรในแถบอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ ที่ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน, โรคอ้วน, โรคหัวใจและหลอดเลือด แถมที่สำคัญยังเป็นสุดยอดตัวช่วยลดน้ำหนัก แคลอรีต่ำ ! เมล็ดเจียนั้นอัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน ไฟเบอร์ โอเมก้า 3 โอเมก้า 6 แคลเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเมื่อนำไปผสมรวมกับน้ำ น้ำผลไม้ หรือนม (ช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับอาหาร) มันสามารถขยายพองตัวขึ้นมาได้อีก 12 เท่า และนั่นจะช่วยทำให้คุณอิ่มสบายท้องได้นานขึ้น จนไม่รู้สึกหิวระหว่างวัน อีกทั้งยังย่อยง่าย และร่างกายไม่สะสมเป็นไขมันส่วนเกินให้คุณกังวลใจด้วย
หนึ่งช้อนเพียวๆ ของเมล็ดเจีย ประกอบไปด้วยสารอาหาร 2,500 มิลลิกรัมของกรดไขมันโอเมก้า 3, 4.5 กรัมของไฟเบอร์ และ 3 กรัมของโปรตีน
ป.ล. เมล็ดเจียมีสารต้านอนุมูลอิสระ แร่ธาตุ และวิตามินมากกว่าในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ การเพิ่มเมล็ดเจียในน้ำผลไม้ที่มีสาร 'เรสเวอราทรอล' เช่น น้ำทับทิม หรือน้ำผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ จะช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระในเครื่องดื่มนั้นๆ ด้วย

2. ตระกูลเบอร์รี่
ไม่เพียง 'ตระกูลเบอร์รี่' จะเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินมากมาย ทั้งวิตามิน A, B, C, E, K, โพแทสเซียม และสาร 'โพลีฟีนอล' ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด รวมถึงป้องกันโรคหัวใจ และหลอดเลือดต่างๆ แล้ว มันยังเป็นผลไม้ระดับพรีเมียมช่วยลดน้ำหนัก-ความอ้วนของสาวๆ กันด้วย โดยมันจะเข้าไปขัดขวางการเก็บไขมันสะสมในร่างกาย ต้านโรคเบาหวาน (สารโพลีฟีนอล: ลดระดับน้ำตาลในเลือด) จัดการโรคอ้วน และกำจัดไขมันส่วนเกินได้ผลดีเกินคาด
ผลไม้เบอร์รี่โดดเด่นที่เราแนะนำ ก็อย่างเช่น แครนเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แหล่งพลังงานคุณประโยชน์สูง-แคลอรีต่ำ เส้นใยอาหารในตระกูลเบอร์รี่จะช่วยทำให้คุณรู้สึกอิ่มเร็ว และอิ่มนานกว่าเดิม หากคุณทานทุกวันหลังอาหารเช้า มันจะช่วยให้หน้าท้องของคุณจะค่อยๆ ยุบลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะคุณจะไม่รู้สึกหิว หรืออยากทานอะไรเลยเกือบตลอดช่วงบ่าย (แม้คุณจะทานเยอะแค่ไหนก็ไม่ทำให้น้ำหนักขึ้นตาม) แถมผลไม้เหล่านี้ยังช่วยให้การย่อยอาหาร และการขับถ่ายทำงานเป็นระบบมากขึ้น รวมถึงลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ด้วย คราวนี้ล่ะ คุณจะใส่เสื้อเอวลอยแค่ไหนก็เอาอยู่ … จัดไปเลย !


3. ผลอะโวคาโด
หนึ่งในผลไม้หาได้ยาก ที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน, วิตามิน, สารต้านอนุมูลอิสระ 'ไฟโตนิวเทรียนท์', และไฟเบอร์ (ที่อุดมอยู่ถึง 11-17 กรัม ต่ออะโวคาโดหนึ่งผล) ช่วยให้การย่อย และระบบขับถ่ายคล่องเป็นระบบมากขึ้น (ตัดปัญหาท้องผูก หน้าท้องบวมป่องเพราะขับถ่ายไม่คล่องไปเลย) อีกทั้งยังช่วยดูดซึมสารพิษตกค้างในลำไส้ ให้ระบายออกมาในรูปของเสีย ให้คุณรู้สึกโล่งท้อง-สบายตัวมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะหน้าท้องของคุณจะยุบสลิมขึ้นจนคุณรู้สึกได้ … เชื่อเถอะว่าคุณจะหลงรักมันเข้าอย่างจัง !
นอกจากนี้ น้ำมันอะโวคาโด ยังช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด มีอยู่สูงในแหล่งที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 9 'กรดโอเลอิก' อย่างเช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วลิสง น้ำมันคาโนลา น้ำมันดอกทานตะวัน เมล็ดงา ถั่วพิตาชิโอ และอัลมอนด์ ...


4. ธัญพืช 'ควินัว'
มันอาจดูแปลกตา และไม่ค่อยคุ้นหูสำหรับบางคน หากแต่คุณรู้ไหมว่า พืชตระกูลข้าวชนิดนี้ให้คุณค่าทางอาหารสูง มีคุณประโยชน์ไม่แพ้ข้าวสาลี และข้าวบาร์เลย์เลย ซึ่งคุณสามารถใช้ทานแทนข้าวได้ (มันมีโปรตีนที่สูงกว่า) ควินัวให้สารอาหารมากกว่าธัญพืชอื่นๆ มีทั้งโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียมสูง ธาตุเหล็ก ไขมันดีที่จำเป็นต่อร่างกาย และให้ไฟเบอร์มากกว่าข้าวกล้องถึง 2 เท่า ! รวมทั้งเป็นแหล่งรวมกรดอะมิโน กรดเอซิด และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเกินไป และควบคุมระบบการย่อยอาหาร
อย่างไรก็ดี ควินัว เป็นอาหารที่เหมาะกับคนที่ต้องการลดน้ำหนักมากที่สุด เพราะไม่เพียงจะให้พลังงานแคลอรีต่ำแล้ว ยังทำให้คุณไม่รู้สึกหิวบ่อย-อิ่มท้องไม่ต่างจากการทานขนมปัง หรือข้าวซะเท่าไหร่ (มันอาจให้คาร์โบไฮเดรตสูงกว่าธัญพืชชนิดอื่นๆ แต่มันเน้นให้พลังงานกับร่างกายมากกว่าตกค้างจนทำให้อ้วน) มันทำให้คุณลืมสแน็กทานเล่นจุกจิกไปได้เยอะเลยล่ะ เมื่อคุณไม่ทานตลอดเวลา หุ่นสวยๆ ก็รอคุณอยู่ไม่ไกล !
ป.ล. ถึงจะเป็นอาหาร 'ซุปเปอร์ฟู้ด' ช่วยลดอ้วน แต่มันก็มีกรด 'ออกซาลิก' อยู่สูง (สูงกว่ากรดน้ำส้ม 10,000 เท่า) ฉะนั้นหากคุณทานเยอะ อาจทำให้คุณเกิด 'นิ่วในไต' ได้ ในภาวะที่ปัสสาวะเป็นกรด


5. พริกชี้ฟ้า 
สวรรค์ของคนทานเผ็ด ที่ไม่แค่จะทำให้ซี้ดซ้าด เผ็ดร้อนเท่านั้น แต่สาร 'แคปไซซิน' ในพริก ยังช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดลง ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น, หลั่งสาร 'อะดรีนาลีน' กระตุ้นการตื่นตัวของร่างกาย และหลั่งสาร 'เอนดอร์ฟิน' ช่วยให้คุณรู้สึกอารมณ์ดี มีความสุขมากขึ้น ที่สำคัญมันยังเพิ่มการเผาผลาญระหว่างที่คุณรับประทานอาหารอีกด้วย (ทั้งระหว่างการย่อย และการดูดซึม) ช่วยคุณเบิร์นไขมันส่วนเกิน และชั้นห่วงยางหน้าท้องให้หมดไป แถมยังช่วยขับเหงื่อ กระชับสัดส่วนหุ่นให้เฟิร์มขึ้นด้วย หากคุณเป็นคนไม่ชอบทานเผ็ด ลองปรุงความเผ็ดร้อนดูสักนิด (อาจไม่ต้องเผ็ดมาก แค่พอมีรสชาติ) แล้วคุณจะรู้สึกได้ถึงน้ำหนักตัวที่ลดลง และหน้าท้องที่แบนราบขึ้น ไม่มีอาการพุงหย่อน ลงพุงเพราะไขมันสะสมให้เห็นแน่นอน !



ที่มา : womenshealthmag.com
via http://www.thairath.co.th/content/489892