วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ซดโกโก้ร้อน ตอบโต้เบาหวาน

ซดโกโก้ร้อน ตอบโต้เบาหวาน

นักวิทยาศาสตร์การอาหารค้นพบจากการทดลองกับหนูว่า การดื่มโกโก้ร้อนวันละ 2–3 ถ้วย จะช่วยผู้ที่มีรูปร่างอ้วน ป้องกันโรคอันเนื่องมาจากการเกิดการอักเสบอย่างเช่นเบาหวานได้

พวกเขาได้พบว่า ในฝูงหนูทดลองที่ถูกขุนด้วยอาหารไขมันสูง ตัวที่ได้กินโกโก้จำนวน 10 ช้อนโต๊ะ เทียบเท่ากับที่คนกินวันละ 4-5 ถ้วย เป็นเวลาอยู่นาน 2 เดือนครึ่ง จะไม่ค่อยเป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบเนื่องจากความอ้วนมากเหมือนพวกที่ไม่ได้กินโกโก้ ทั้งหนูพวกนี้ยังมีสภาพเหมือนกับหนูพวกที่เลี้ยงแต่อาหารไขมันต่ำด้วย จะมีปริมาณปลาสมาอินซูลินต่ำกว่าหนูตัวที่ไม่ได้กินโกโก้ถึงร้อยละ 27 การมีอินซูลินสูงแสดงว่า เป็นโรคเบาหวาน.
http://www.thairath.co.th/content/354998

อดอาหารช่วยผลาญเบาหวาน

อดอาหารช่วยผลาญเบาหวาน

นักวิจัยของศูนย์การแพทย์ เมืองเมอร์เรย์ รัฐยูทาห์ สหรัฐฯ พบว่า การอดอาหาร กลับให้คุณแก่ผู้มีอาการของเบาหวานแฝง ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงไปพักใหญ่ เพราะระบบในร่างกายจะไปแย่งน้ำตาลมาจากเซลล์ไขมันเลว มาใช้เป็นพลังงาน เป็นการดับสาเหตุของโรคลงเสียแต่ต้นลม
เมื่อเกิดขาดอาหารนานถึงระหว่าง 10 -12 ชม. ร่างกายจะเริ่มดิ้นรน เสาะแสวงหาแหล่งพลังงานต่างๆ ในตัว โดยไปดึงไขมันเลวมาจากเซลล์ไขมัน เอามาเป็นพลังงานเพื่อที่จะรักษาชีวิตไว้
หัวหน้าหน่วยวิจัยกล่าวว่า การอดอาหาร อาจจะเป็นวิธีสกัดโรคที่สำคัญอย่างหนึ่ง
ภาวะโรคเบาหวานแฝง หมายถึงผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ แต่ยังไม่สูงถึงขนาดที่จะถือได้ว่าเป็นเบาหวาน
คณะนักวิจัยได้ทดสอบ ให้คนปกติจำนวนหนึ่งอดอาหารนอกจากน้ำ ภายในเวลาหนึ่งวัน ปรากฏผลว่า ทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือด ตลอดจนน้ำหนักตัวลดต่ำลง
ดร.เบนจามิน ฮอร์นผู้อำนวยการศูนย์กล่าวบอกว่า “เมื่อพิจารณารวมถึงผลของการทดลองอดอาหารต่างๆ ที่ได้ทำมาระหว่างเวลาหลายสิบปี ซึ่งแสดงว่ามีส่วนลดภัยของโรคเบาหวาน และโรคหัวใจกับหลอดเลือดลง มันทำให้เราต้องคิดว่า การอดอาหารอาจมีผลลดภัยของเบาหวานกับไฟธาตุพิการลงได้อย่างมีพลังที่สุด”.
http://www.thairath.co.th/content/431794

กินโยเกิร์ต วันละ 2 ช้อนโต๊ะ ช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้

กินโยเกิร์ต วันละ 2 ช้อนโต๊ะ ช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้

นักวิจัยโรงเรียนการสาธารณสุขฮาร์วาร์ดของสหรัฐฯ ศึกษาพบว่าการกินโยเกิร์ตประจำ วันละ 2 ช้อนโต๊ะ จะช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน แบบที่ 2 ได้ถึงร้อยละ 18 การเป็นเบาหวานแบบที่ 2 นับว่าเป็นโรคเรื้อรัง เนื่องจากร่างกายไม่อาจผลิตอินซูลินได้เพียงพอ หรือไม่เซลล์ของร่างกายกลับต่อต้านอินซูลินเสียเอง
พวกเขาศึกษาเรื่องนี้ จากรายงานผลการศึกษาที่เคยทำมาแล้ว เกี่ยวกับบุคคลในวงการแพทย์ ทั้งแพทย์และพยาบาล จำนวนรวมกันไม่ต่ำกว่า 51,529 คน หลายเรื่องมาพิจารณา
เริ่มด้วยการศึกษาหาความเกี่ยวพันของการดื่มนมเนยชนิดต่างๆ กับการเป็นโรคเบาหวาน และได้พบว่าการกินโยเกิร์ตในปริมาณมากประจำ จะช่วยป้องกันการเป็นเบาหวานแบบที่ 2 ได้.

“แกงเผ็ดปลากะพงขมิ้นชัน”

“แกงเผ็ดปลากะพงขมิ้นชัน” เมนูแนะนำ สำหรับคนรักสุขภาพ

อาหารไทยได้ชื่อว่าครบเครื่องเรื่องคุณค่าทางโภชนาการ โดยเฉพาะส่วนผสมของเครื่องแกง ก็ล้วนแล้วแต่อุดมด้วยเครื่องเทศสมุนไพร ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งสิ้น อย่างเมนูแนะนำวันนี้ จากสาวเก่งมากความสามารถ คุณหมูแดง–นิชา สมบูรณ์เวชชการ กรรมการบริหารและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท อ้วยอันโอสถ จำกัด ผู้ผลิตยาสมุนไพรมาเกือบ 7 ทศวรรษ เธอคุ้นเคยกับสมุนไพรมาตั้งแต่เกิด เมนูอาหารที่เธอเลือกทำส่วนมากจะมีพืชสมุนไพรไทยเป็นส่วนผสม วันนี้จึงแบ่งปันสูตร “แกงเผ็ดปลากะพงขมิ้นชัน” มาให้เป็นไอเดียสำหรับคนรักสุขภาพเช่นเดียวกับเธอบ้าง




ส่วนผสมของเมนูนี้

การทำ “แกงเผ็ดปลากะพงขมิ้นชัน” เริ่มจาก ส่วนผสมของเครื่องแกง : ผิวมะกรูด ½ ช้อนชา / พริกขี้หนูแห้ง 10 เม็ด / กะปิ ½ ช้อนชา / ขมิ้นชัน 1 ช้อนชา / เกลือ ½ ช้อนชา / หอมแดง 3 หัว / กระเทียม 3 กลีบ / ตะไคร้ 1 ช้อนชา / พริกไทยเม็ด ½ ช้อนชา / ข่า ½ ช้อนชา......ส่วนผสมหลัก : เนื้อปลากะพงแดง 3 ขีด / มะเขือพวง 1 ขีด / พริกแกงเผ็ดใต้ ½ ขีด / น้ำปลา 2 ช้อนชา / น้ำมัน ½ ช้อนชา / น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา / น้ำซุปกระดูกหมู 400 มิลลิลิตร
วิธีทำ 1) โขลกพริกแกงให้เข้ากัน ถ้าต้องการความสะดวกสามารถซื้อพริกแกงใต้มา แล้วนำเหง้าขมิ้นโขลกผสมเข้าไปด้วย ถ้าหาซื้อขมิ้นสดไม่ได้ สามารถใช้ผงขมิ้นชันแทนได้ 2) เนื้อปลากะพงแดง นำไปล้างกับน้ำส้มสายชูตามด้วยน้ำสะอาดเพื่อดับคาวปลา 3) นำพริกแกงลงไปผัดกับน้ำมันให้หอม 4) เติมน้ำซุปกระดูกหมู แล้วปิดฝาให้น้ำเดือดแล้วจึงใส่เนื้อปลา 5) ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ให้ได้รสตามชอบ 6) จึงค่อยใส่มะเขือพวง รอจนเดือด ค่อยโรยหน้าด้วยใบมะกรูด พร้อมเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ.
 ในฐานะทายาทสมบูรณ์เวชชการ รุ่นที่ 3 ที่เข้ามาบริหารงานของทางบ้าน โดยคุณหมูแดงดูแลรับผิดชอบงานด้านการตลาดและฝ่ายบุคคลของบริษัทฯ คู่กับน้องชาย คุณโม–ชนรรค์ สมบูรณ์เวชชการ ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทฯ นอกเหนือจากงานที่บริษัทอ้วยอันโอสถแล้ว สิ่งที่คุณหมูแดงเลิฟมากคือการเข้าครัวทำอาหาร ซึ่งเริ่มฝึกทำอาหารจริงจังเมื่อครั้งไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา เพราะเธอเป็นคนชอบทานอาหารรสจัด จึงต้องลงมือทำเอง เพื่อให้ได้รสชาติที่ต้องการ เมนูที่เลือกทำโดยมากจะมีส่วนผสมของสมุนไพรไทย เนื่องจากมีความรู้เกี่ยวกับสรรพคุณของสมุนไพรแต่ละตัวเป็นอย่างดี จึงเลือกสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมาปรุงอาหาร เช่น ขมิ้นชัน ใบมะรุม อบเชย
อย่างเมนู “แกงเผ็ดปลากะพงขมิ้นชัน” นี้ คุณหมูแดงบอกว่า เป็นเมนูที่ทำง่าย และให้คุณค่าทางอาหารครบถ้วน โดยขมิ้นชันมีสรรพคุณหลายอย่าง มีส่วนประกอบของวิตามินเอ, วิตามินซี,วิตามินอี เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำงานพร้อมกันทั้ง 3 ตัว ซึ่งมีผลช่วยลดไขมันในตับ สมานแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ ต้านสารอนุมูลอิสระ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง กำจัดเชื้อราปนเปื้อนในอาหารที่กินเข้าไปแล้วสะสมในร่างกายเตรียมก่อตัวเป็นเซลล์มะเร็ง สำหรับสตรีหลังคลอดบุตร การรับประทานขมิ้นชันช่วยขับน้ำนมได้ดีรองจากการรับประทานหัวปลี ขมิ้นชันเป็นพืชล้มลุก ส่วนที่รับประทานคือเหง้า นำมาปอกเปลือก ตากแห้งแล้วบดเป็นผงใช้ประกอบอาหารได้หลายอย่าง คุณหมูแดงยังฝากด้วยว่า กินขมิ้นให้เป็นอาหาร ไม่ใช่กินเป็นยา ใช้ปรุงอาหารกินบ้าง หุงข้าวก็ใส่ขมิ้นชันได้ ทอดปลาคลุกขมิ้นชันก็ดี ทำให้หอมน่ากินและยังได้ประโยชน์อีกด้วย เพราะตัวขมิ้นจะช่วยย่อยไขมันจากน้ำมันที่ใช้ทอดปลาได้เป็นบางส่วน

5 เครื่องดื่มสุดเฟรชยามเช้า เสกหน้าท้องแบนราบเหลือเชื่อ !!

ชากลิ่นเปเปอร์มินต์
รับเช้าวันใหม่ด้วยชามินต์ ตัวช่วยแก้กระหายที่เพิ่มความสดชื่นให้คุณอย่างมากในวันที่อากาศร้อนจัด และช่วยลดอ้วนได้อยู่หมัด ! ชามินต์จะช่วยเผาผลาญกลุ่มก้อนไขมันรอบเอว และทำให้คุณมั่นใจว่าถึงคุณจะกินอาหารที่ให้ไขมันหรือพลังงานสูง อย่างแฮมเบอร์เกอร์ หรือสเต๊กมากเท่าไหร่ มันก็สามารถช่วยย่อยอาหารและเบิร์นพลังงานได้อย่างรวดเร็วจนคุณหายห่วง ไม่เพียงเท่านั้นชามินต์ยังมีสรรพคุณทางยามากมาย อย่างเช่น มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอย่างชัดเจน ต้านมะเร็ง ต้านสารก่อภูมิแพ้บางตัว และช่วยการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้มีเสถียรภาพขึ้นด้วย
หากคุณไม่อยากดื่มชาตอนเช้า ลองเปลี่ยนมาดื่มเบาๆ ตอนเที่ยงหลังมื้อกลางวันแทน มันก็ช่วยคลายง่วงและเบิร์นแคลอรีได้ไม่น้อยนะ ให้หุ่นสวยแบบเฮลตี้ทั้งภายในและภายนอกจนใครๆ อิจฉากันไปเลย !
ชาเขียว
เครื่องดื่มหอมหวานสารพัดประโยชน์ที่ใครได้ดื่มเป็นต้องหลงใหล เพราะไม่เพียงจะช่วยขับสารพิษตัวก่อมะเร็งร้าย ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง และโรคหัวใจให้หมดไปแล้ว ชาเขียวยังประกอบไปด้วยสารแคทีชิน และสารแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยชะลอการแก่เร็ว ลบเลือนริ้วรอย และเพิ่มความเป็นอมตะของหนุ่มๆ สาวๆ มากขึ้นด้วย แถมถ้าคุณดื่มชาเขียวอุ่นๆ ตอนเช้าทุกวัน มันจะช่วยลดไขมันหน้าท้องได้ผลเยี่ยม ยิ่งจิบชาเขียวก่อนออกกำลังกายด้วยแล้ว มันจะยิ่งเพิ่มการเผาผลาญไขมันระหว่างการออกกำลังกาย ลดอ้วนเห็นผลดีนักแล …
ดาร์กช็อกโกแลตปั่น
หลายคนอาจไม่เชื่อว่าช็อกโกแลต (ปั่น) จะเป็นตัวช่วยลดอ้วน และกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องได้ จริงๆ แล้วช็อกโกแลตที่มีสีเข้มและรสขมนี่แหละเป็นตัวช่วยให้หุ่นคุณเพรียวสลิมขึ้นได้อย่างคาดไม่ถึง หากคุณดื่มมันทุกเช้าพร้อมควบคุมปริมาณการกินพวกไขมันลดลง คุณจะค่อยๆ เห็นหน้าท้องที่แบนสวยมีโค้งเว้าอย่างที่ใจคุณปรารถนาเลยล่ะ นั่นก็เพราะช็อกโกแลตช่วยลดความอยากอาหารทั้งหมดให้คุณไม่รู้สึกท้องว่างจนอยากหยิบของจุกจิกมากิน ถ้าไม่เชื่อ...เริ่มดื่มตั้งแต่เช้าพรุ่งนี้เลยเป็นไง ?
อย่างไรก็ตาม ช็อกโกแลตปั่นนี้ให้พลังงานเกือบ 400 แคลอรี เทียบเท่าอาหารหนึ่งมื้อเลยทีเดียว หากตอนเช้าคุณไม่มีเวลากินอาหารเช้า ช็อกโกแลตปั่นก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เราแนะอยากให้ลอง เพราะมันทำให้คุณอิ่มท้องได้รวดเร็ว และช่วยลดความอยากอาหารหรือของว่างได้เป็นเวลานานหลายชั่วโมง
สมูทตี้แตงโม
เครื่องดื่มผลไม้ปราศจากน้ำตาลอย่างเชอร์เบ็ท หรือสมูตตี้ก็เป็นไอเดียที่ไม่เลวเหมือนกัน เราขอแนะนำสมูทตี้แตงโม เครื่องดื่มแคลอรีต่ำชั้นยอดที่ช่วยเพิ่มความสดชื่น ดับกระหายน้ำให้คุณถึงใจแบบไม่ต้องกลัวอ้วน ลืมเรื่องห่วงยางหน้าท้องไปได้เลย เพราะมันจะไม่มาเกาะรอบเอวให้คุณเสียเซลฟ์แน่นอน อีกทั้งน้ำแตงโมยังล็อกความชุ่มชื้นให้ผิวสวยของคุณแลดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ และโหลดสารอาหารมากมายบำรุงร่างกายของคุณด้วย
 น้ำสับปะรดปั่น
เครื่องดื่มสุดเฟรชที่จะทำให้หน้าท้องคุณแบนราบอย่างน่าอัศจรรย์ ไร้ห่วงยางรอบเอวกวนใจ เพราะในสับปะรดไม่ว่าจะเป็นส่วนใบ ลำต้น หรือผล ต่างก็อุดมไปด้วย 'บรอมีเลน' เอนไซม์ธรรมชาติที่สามารถช่วยย่อยโปรตีน (เนื้อ วัว หมู ไก่ ปลา) ให้สะดวกง่ายขึ้น ไม่ทำให้อุดตัน หรือเกาะตามส่วนต่างๆ ของร่างกายโดยเฉพาะแขน ขา และหน้าท้อง ที่ส่งผลให้เกิดอาการพองบวม และลงพุงปลิ้นน่าเกลียดตามมา เราอยากให้คุณลองดื่มทุกวันตอนเช้าอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง รับรองว่าหุ่นเพรียวรอคุณอยู่ไม่ไกล อีกทั้งยังทำให้ระบบขับถ่ายคล่องสะดวกขึ้นด้วยนะ
ถ้าคุณอยากให้หุ่นสวยเฟิร์มมีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณควรหันมาเข้ายิม ออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วยอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น !

ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/464517

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ปูม้านึ่ง

“ปูม้านึ่ง” ร้านตะลอนทัวร์ครัวป้าทิน เนื้อปูสดหวาน ไม่จิ้มน้ำจิ้มก็อร่อย

Mozzarella Sticks '

Mozzarella Sticks '
tw.Word Porn

14 เมนูที่สามารถให้เป็นของขวัญในเทศกาลต่างๆ

14 เมนูที่สามารถให้เป็นของขวัญในเทศกาลต่างๆ

String Cheese

ต้นกำเนิด String Cheese ของขบเคี้ยวยอดนิยมของอเมริกา

วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557