วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

"ชะลอวัย เปลี่ยนชีวิต"


เมื่อพูดถึงการรักษาทางเวชศาสตร์ชะลอวัย คนไข้มักคาดหวังและนึกถึงผลลัพธ์ที่ทำให้อ่อนเยาว์ลง แก่ช้าลง ผิวพรรณผุดผ่อง เต่งตึง และไม่เหี่ยวย่น แต่ในความเป็นจริง หมอคาดหวังมากกว่านั้น
วันอาทิตย์ 27 เมษายน 2557 เวลา 00:00 น.
 เมื่อพูดถึงการรักษาทางเวชศาสตร์ชะลอวัย คนไข้มักคาดหวังและนึกถึงผลลัพธ์ที่ทำให้อ่อนเยาว์ลง แก่ช้าลง ผิวพรรณผุดผ่อง เต่งตึง และไม่เหี่ยวย่น แต่ในความเป็นจริง หมอคาดหวังมากกว่านั้น “เนื่องจากทฤษฎีแห่งความแก่และเสื่อมนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ทุกอวัยวะ ทุกระบบของร่างกาย ไม่ใช่แค่ผิวหนัง”
ร่างกายคนเราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในแต่ละวัน ด้วยการควบคุมของสารคัดหลั่งที่เรียกว่า “ฮอร์โมน” แต่น่าเสียดายที่ฮอร์โมนจะเริ่มลดลงเมื่อเข้าสู่อายุ 35 ปี และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เราอาจไม่เคยสังเกตว่ามันเป็นอาการของความแก่ ได้แก่ เมื่อยังเยาว์ วิ่งเล่นซนจนเหนื่อย พอตกดึกก็ง่วง หลับสบายจนถึงเช้า แต่เมื่ออายุมากขึ้น กลับไม่เป็นเช่นนั้น แม้จะเหนื่อยเครียดอย่างไร กลางคืนกลับนอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิทถึงเช้า หรือที่เห็นได้ชัดคือความเหี่ยวย่นของผิวหนัง ผมแห้ง คันตามตัว ตัวบวมอืด อ้วนง่ายและลดน้ำหนักยากเหลือเกินทั้งที่ลดอาหารแล้ว อารมณ์เสียง่าย ความอดทนต่ำ หดหู่ หรือแม้กระทั่งความต้องการทางเพศลดลง นกเขาไม่ขันเหมือนเดิม
ในการใช้ชีวิตหนึ่งวัน เราใช้เวลากว่า 80% อยู่นอกบ้านซึ่งต้องเผชิญกับการงานที่เครียด มลพิษ อาหารที่ไม่มีประโยชน์ ควันบุหรี่ ร่างกายที่ทรุดโทรมจากการนอนหลับไม่เพียงพอ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นเหมือนคมหอกคมดาบที่ทิ่มแทงเราทุกวัน เรามีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า “สารอนุมูลอิสระ” ร่างกายของคนเรามีโอกาสได้รับสารอนุมูลอิสระทุกวัน ซึ่งเมื่อเข้ามาในร่างกาย มันจะไม่อยู่อย่างโดดเดี่ยว จะยึดกับเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายและก่อให้เกิดความเสื่อม อันที่จริงในร่างกายคนเราก็มีสารต้านอนุมูลอิสระไว้คอยจัดการกับเจ้าสารอนุมูลอิสระเหล่านี้ แต่ที่น่าเสียดายคือ สารต้านอนุมูลอิสระก็ลดลงเมื่ออายุเรามากขึ้นเช่นกัน เราทุกคนจึงพบการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่แย่ลงเมื่ออายุมากขึ้น ในขณะที่ทั้งฮอร์โมนและสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในขาลง
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้แทรกซึมมาในชีวิตประจำวันจนบางคนไม่ทันสังเกตว่า มันเป็นสัญญาณของความเสื่อม และแก้ไขด้วยตนเองอย่างง่าย ๆ เช่น ตื่นนอนแล้วปวดเมื่อย ปวดหลัง ปวดไหล่ ก็สงสัยนอนตกหมอน ไปนวดก็น่าจะดีขึ้น ปรากฏว่าอาการยังเป็นอยู่ทุกวันเป็นเดือน ๆ ทั้งที่ไม่ได้เจ็บป่วยอะไร หรือ ไปเลี้ยงรุ่นทีไร มักถูกทักว่าแก่ มีริ้วรอยกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันเสมอ อ่อนเพลียง่าย หงุดหงิดง่าย ก็หนีไปสปา ทำทรีตเมนท์ แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น
แต่บางคนก็โชคร้ายที่อาการมันรุนแรงเสียจนไม่สามารถดำรงชีวิตอย่างปกติสุข หมอขออนุญาตยกตัวอย่าง คนไข้ท่านหนึ่งซึ่งมาขอพบด้วยปัญหาปวดศีรษะเรื้อรัง ตื่นมาทุกเช้าจะปวดบ่า ไหล่ และหลังส่วนบนอย่างมาก จนต้องไปพึ่งหมอนวดแผนโบราณเป็นประจำ แต่ก็ไม่เคยหาย น้ำหนักตัวพุ่งพรวดทั้งที่ไม่ได้ทานมากผิดปกติเลย และควบคุมอาหารแล้วก็ไม่ลดลง เวลาเดินขึ้นลงบันไดจะรู้สึกอ่อนแรงง่าย ทุกเช้าที่ต้องตื่นมาทำงานจะไม่รู้สึกสดชื่น ไม่มีใจจะค้าขาย ไม่มีเรี่ยวแรง ทั้งที่เป็นผู้รับผิดชอบกิจการทั้งหมดเพียงผู้เดียวและต้องหาเลี้ยงสมาชิกทั้งครอบครัว ตกดึกแม้จะเหนื่อยอย่างไรก็หลับไม่สนิท แถมยังหลง ๆ ลืม ๆ ด้วย เหตุผลที่ต้องมาปรึกษาแพทย์เพราะได้พยายามไปตรวจหาสาเหตุเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ไม่พบความผิดปกติใด ๆ (ทั้งการตรวจเลือด ตรวจเอกซเรย์ ตรวจเอกซเรย์สมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า) แต่หากยังคงมีอาการเช่นนี้ต่อไป จะทำให้ไม่สามารถทำงานได้ ส่งผลให้เกิดความลำบากแก่ครอบครัวแน่ ๆ 
เมื่อทราบปัญหา หมอจึงขออนุญาตสอบถามประวัติอย่างละเอียด เพื่อประเมินว่าคนไข้กำลังเผชิญข้าศึกอะไรบ้าง ทั้งการพักผ่อน ความเครียด โรคประจำตัว ยาที่รับประทาน ประวัติการผ่าตัด การใช้ชีวิต อาหารการกิน และการออกกำลังกาย จากนั้นจึงทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด และประเมินผลเอกซเรย์และผลเลือดทั้งหมดที่เคยตรวจ ซึ่งล้วนไม่พบความผิดปกติทางอายุรกรรม จึงได้ตรวจเลือดเพื่อประเมินภาวะเสื่อมของร่างกาย ทั้งระดับฮอร์โมน สารต้านอนุมูลอิสระ สารบ่งอักเสบ และสารบ่งชี้มะเร็ง ซึ่งเป็นการตรวจพิเศษในศาสตร์แห่งชะลอวัย และจะขอกล่าวถึงผลการตรวจในตอนต่อไป
ข้อมูลจาก แพทย์หญิงธิศรา วีรสมัย  สูตินรีแพทย์ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย (American Board of Anti-aging Medicine) โรงพยาบาลพญาไท 1/http://www.phyathai.com
นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์
ชะลอวัย เปลี่ยนชีวิต ตอน 2
การรักษาเริ่มขึ้นด้วยการอธิบายผลตรวจทั้งหมดอย่างละเอียด ซึ่งก็สร้างความประหลาดใจแก่คนไข้ที่ผลเลือดอธิบายอาการดังกล่าวได้ทั้งหมด
วันอาทิตย์ 4 พฤษภาคม 2557 เวลา 00:00 น.

หลังจากได้ตรวจหาความเสื่อมในคนไข้ท่านนี้แล้ว ในวันนี้เราจะมาวิเคราะห์ผลกัน : ผลการตรวจ พบความไม่สมดุลของฮอร์โมนในระดับที่รบกวนการเผาผลาญของร่างกาย ระบบการทำงานของต่อมไร้ท่อผิดปกติจากสารอนุมูลอิสระที่ได้รับสะสมมาโดยตลอด จากการซักประวัติอย่างละเอียดทำให้ทราบว่า คนไข้มีความเครียดจากภาระรับผิดชอบมาก ไม่ได้ออกกำลังกาย นอนดึกมากกว่าจะตรวจสินค้าในร้านเสร็จ และต้องตื่นแต่เช้า ขณะที่ต้องซื้ออาหารง่าย ๆ ทาน ทั้งของทอด ของมัน และยังชอบทานรสหวานมาก ซึ่งล้วนเป็นต้นตอแห่งสารอนุมูลอิสระทั้งสิ้น
การรักษาเริ่มขึ้นด้วยการอธิบายผลตรวจทั้งหมดอย่างละเอียด ซึ่งก็สร้างความประหลาดใจแก่คนไข้ที่ผลเลือดอธิบายอาการดังกล่าวได้ทั้งหมด ทำให้เกิดการรวมพลังกันระหว่างหมอและคนไข้ใน การช่วยกันปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต ทั้งอาหาร การนอน การออกกำลังกาย และระบบความคิด การปรับเปลี่ยนเริ่มขึ้นด้วยทีมโภชนาการ นักกายภาพ บำบัดและวิทยาศาสตร์การกีฬา ทำหน้าที่แปลงข้อสรุปของคุณหมอให้เป็นแนวทางการปฏิบัติที่ใช้ได้ในชีวิตจริงสำหรับรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนไข้ท่านนี้ เรียกว่า “Personalized design” ให้มีชีวิตที่ดีขึ้นและยังคงค้าขาย ดูแลทุกคนในบ้านได้อย่างดีเหมือนเดิม ที่ขาดไม่ได้คือ การให้ฮอร์โมน สารอาหารและวิตามินอันเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ผลิตมาเฉพาะ
ปัญหาของคนไข้ เรียกว่า “Personalized Hormone & Supplements” ชนิดและขนาดที่ผลิตจึงเป็นขนาดเฉพาะสำหรับคนไข้ท่านนี้ และปลอดภัยเนื่องจากพิจารณาตามปัญหาที่ตรวจเลือดพบ และจะมีการตรวจติดตามเป็นระยะจนเมื่อผลเลือดอยู่ในระดับปกติ และคนไข้สามารถปรับรูปแบบการใช้ชีวิตจนลดการเกิดสารอนุมูลอิสระ จะเริ่มพิจารณาลดและหยุด Hormone & Supplements
หลังการรักษา คนไข้มีอาการดีขึ้นตั้งแต่เดือนแรก คำบอกเล่าของคนไข้ที่พบว่าอาการทั้งหมดลดลง อาการปวดศีรษะ ปวดบ่าไหล่หายไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นอนหลับได้สนิท ตื่นมาอย่างสดชื่นและพร้อมจะไปทำงานโดยไม่รู้สึกเพลียหรือเหนื่อย แถมอารมณ์ก็ไม่หงุดหงิดเหมือนเดิม ล้วนทำให้หมอรู้สึกดีใจและเต็มอิ่มไปด้วยความสุข เพราะการรักษาไม่เพียงทำให้อาการหาย แต่นั่นหมายถึงคุณภาพชีวิต การนำชีวิตใหม่มาให้ผู้หญิงแกร่งคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้เพื่อเลี้ยงดูทุกคนในครอบครัว การนำความมั่นคงกลับมาให้ครอบครัวนี้อีกครั้ง อีกทั้งนำมาซึ่งมิตรภาพดี ๆ ที่ยังมีให้กันอยู่ตลอด แม้คนไข้จะหายดีแล้ว
ปัญหาความเสื่อมเกิดกับผู้ชายเช่นกัน แต่อาจพบได้ในรูปแบบที่เหมือนหรือแตกต่างก็ได้ ปัญหาใหญ่หลวงที่ต้องรีบแก้ไขกลับเป็นสิ่งที่ไม่กล้าเล่าหรือมาปรึกษาแพทย์จนกระทั่งสถาบันครอบครัวเริ่มสั่นคลอน หรือลูกหลานไม่อยากคุยด้วย จึงต้องรีบมาพบแพทย์ คนไข้มักมีปัญหาเบื่อหน่าย ขาดความกระตือรือร้น นอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท ท้องผูก ผมร่วงผิดปกติ ขาดความมั่นใจ หลง ๆ ลืม ๆ อารมณ์แปรปรวน บางครั้ง      ซึมเศร้า บางครั้งหงุดหงิด บ่น โวยวาย จนลูก ๆ หนี ความต้องการทางเพศลดลง และปัญหาลับ ๆ ที่ไม่อยากบอกใคร คือ นกเขาไม่ขันเหมือนเดิม
การซักประวัติเป็นด่านแรกที่สำคัญ   มาก ๆ เพื่อรู้จักข้าศึกก่อนรบ เพราะเมื่อรบชนะ จะได้รู้วิธีป้องกันข้าศึกครั้งต่อไปได้ การตรวจร่างกายอย่างละเอียดและการเจาะเลือด เพื่อตรวจแยกโรคทางอายุรกรรมที่สงสัย และตรวจหาความเสื่อมที่เกิดขึ้น ผลตรวจไม่พบปัญหาทางอายุรกรรม แต่พบการลดลงของสารต้านอนุมูลอิสระ ฮอร์โมนหลายตัวรวมทั้งฮอร์โมนเพศชายด้วย การรักษาเริ่มจากการอธิบายผล ที่มาที่ไปของปัญหา ซึ่งทำให้คนไข้มุ่งมั่นจะแก้ปัญหาไปกับหมอด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต การรับประทานฮอร์โมนและสารอาหารและวิตามินที่ผลิตมาเฉพาะบุคคล ตลอดจนการลดนํ้าหนักตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากคนไข้เป็นชายรูปร่างอ้วน การตรวจฮอร์โมนพบว่าถ้ายังคงมีนํ้าหนักมากเช่นนี้ ก็จะยิ่งเกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมน และก่อปัญหาเรื่องฮอร์โมนเพศไปเรื่อย ๆ ก่อนการรักษาคนไข้ได้รับการตรวจเพื่อประเมินองค์ประกอบของร่างกายด้วยเครื่อง Inbody และพบปริมาณนํ้าหนักและไขมันที่เกิน หมอจึงกำหนดนํ้าหนักเป้าหมายไว้
หมอวางแผนการรักษาควบคู่ไปกับการลดนํ้าหนักอย่างถูกต้องไปสู่นํ้าหนักเป้าหมาย แต่เนื่องจากคนไข้ทำธุรกิจและไม่มีเวลา จึงได้จัดระบบการออกกำลังกายเป็นเฉพาะบุคคล เรียกว่า “Personalized exercise program” ด้วยเครื่องออกกำลังกายที่ช่วยให้ได้ออกกำลังกายแบบ Aerobic exercise & Weight training ซึ่งใช้เวลาในการออกกำลังกายครั้งละ 20 นาที แต่จะมีการเผาผลาญเช่นเดียวกับการออกกำลังกายนาน ๆ และยังได้เสริมสร้างกล้ามเนื้ออีกด้วย ทีมนักวิทยาศาสตร์การกีฬาจะวางแผนการ  ใช้เครื่องในแต่ละครั้งให้เหมาะกับปัญหา  เรื่องรูปร่าง และฮอร์โมนของคนไข้ จนทำให้คนไข้ท่านนี้ลดนํ้าหนักได้ 8 กิโลกรัมใน    เวลา 2 เดือน มีสุขภาพที่แข็งแรง ฟิตขึ้น ปัญหาทางอารมณ์และอ่อนล้าหายไป และกลับมามีกิจกรรมกุ๊กกิ๊กกับภรรยาได้ดีเหมือนเดิม ในที่สุดความมั่นใจที่หายไปเสียนานก็กลับมาแล้ว
การดูแลคนไข้ทางด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยทำให้หมอรู้สึกรักอาชีพนี้มากขึ้น เพราะไม่เพียงได้รักษาคนไข้จนหาย ยังสามารถช่วยให้เขาเหล่านั้นปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตไปในทิศทางที่ดีต่อสุขภาพกายและใจ ในทางที่ชะลอความเสื่อมของเซลล์ และความแก่ของร่างกายจนปรากฏให้เห็นผิวพรรณที่ผ่องเปล่งปลั่ง รูปร่างที่กระชับ กล้ามเนื้อที่แข็งแรง อารมณ์ที่แจ่มใส และสติปัญญาที่ฉับไว จนอยากจะเรียกว่า “ชะลอวัย เปลี่ยนชีวิต” จริง ๆ
ข้อมูลจาก แพทย์หญิงธิศรา วีรสมัย  สูตินรีแพทย์ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย (American Board of Anti-aging Medicine) โรงพยาบาลพญาไท 1 / http://www.phyathai.com
นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น