วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

การดื่มกาแฟช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน ( Metabolism) ได้จริง


มีการศึกษาใหม่ๆพบว่าการดื่มกาแฟ อาจจะมีประโยชน์กับสุขภาพ เพราะช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานให้กับร่างกาย หลายๆคนที่ติดกาแฟ จะรู้สึกว่าการได้รับกาแฟซักถ้วยในตอนเช้าจะทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉง ตื่นตัว และมีสมาธิดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากคาเฟอีน การศึกษาพบว่าคาเฟอีนสามารถช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในช่วงสั้นๆ คาเฟอีนในกาแฟ 2 ถ้วยสามารถเพิ่มการเผาผลาญพลังงานได้มากถึง 50 แคลลอรี่ต่อชั่วโมง ต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ชั่วโมง

แต่ก็ต้องดื่มให้ถูกเวลาด้วยค่ะ

ไม่ควรดื่มกาแฟก่อนนอน เพราะจะไม่มีผลต่อการเพิ่มการเผาผลาญพลังงานเลย จากผลการศึกษาแนะนำว่าไม่ควรดื่มกาแฟอย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนเข้านอนนะคะ เพราะคาเฟอีนในกาแฟจะทำให้นอนไม่หลับ และไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย

กาแฟแบบไหนที่ช่วยการเผาผลาญพลังงาน

ต้องเป็กาแฟดำเท่านั้นค่ะ ไม่ใส่นม ไม่ใส่ครีม ไม่ใส่น้ำตาล เพราะสิ่งเหล่านั้นจะไปยับยั้ง การเผาผลาญพลังงาน และยังเป็นการเพิ่มพลังงานให้อีกด้วย
http://www.beautyoops.com/uncategorized/coffee-increase-metabolism/

วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

อร่อยเด็ดดวง เมนูทุเรียน

อร่อยเด็ดดวง เมนูทุเรียน

จั่วหัวเด่นชัดซะขนาดนี้ คนยี้ทุเรียนทั้งหลายก็คงขอบ๊ายบายใช่เปล่า?
โดย...อัคร เกียรติอาจิณ


จั่วหัวเด่นชัดซะขนาดนี้ คนยี้ทุเรียนทั้งหลายก็คงขอบ๊ายบายใช่เปล่า?

งั้นไม่มัวพูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลาหรอก ไปหาเมนูทุเรียนอร่อยๆ หม่ำดีกว่า

เมนูทุเรียนที่เราภูมิใจนำเสนอ ไม่ธรรมดาตรงที่ใช้ทุเรียนเมืองนนท์ทำ

ฟังไม่ผิดหรอกครับ ก็ทุเรียนอันเลื่องลือจาก จ.นนทบุรี ซึ่งมีดีกรีความอร่อยนัมเบอร์วัน แถมยังราคาแพงแสนแพงนั่นไง ลูกหนึ่งตกเป็นพัน บางลูกเหยียบหมื่นก็เคยมี โอ้แม่เจ้า!!!

ที่สำคัญถูกยกเป็นของฝากขั้นเทพ เข้าตำราที่ว่ากันว่า “คนซื้อไม่ได้กิน คนกินไม่ต้องซื้อ”

ส่วนเราน่ะเหรอ ทั้งได้กินและได้ซื้อ เพราะอานิสงส์ของงานนี้ “ทุเรียนนนท์ 2554” (จัดจนถึงวันที่ 15 พ.ค. ณ ชั้น 3 เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์)

กลิ่นหอมเฉพาะตัวทุเรียนนั้น ยืนไกลๆ ก็รู้ว่าเป็นกลิ่นของมันชัวร์ๆ ช่างยั่วยวนชวนให้น้ำลายสอชะมัด ประหนึ่งเป็นการทายทักคนรักทุเรียนซะงั้น

แล้วก็ได้เวลาเดินสำรวจแผง เพื่อมองหาทีเด็ดเมนูเลิศๆ ที่พาเหรดมาเอาใจเหล่าสาวกพันธุ์แท้

“แหม!!! อยากให้นังเรยามาจัง ฉันจะตบด้วยเปลือกทุเรียนนี่แหละ” โถๆๆๆ ดูสิดู ความแรงงงงส์ของละคร ความร้ายยยยส์ของเรยาก็ยั้งอุตส่าห์ตามมาหลอกหลอนถึงงานทุเรียนเลยนะเนี้ย

ก็ว่ากันไป ละครฮิต นางร้ายฮอต เปลือกทุเรียน และแม่ค้า (อินจัด) ย่อมจะเป็นของคู่กันมาแต่ไหนแต่ไร (อิ อิ)

ด้วยคุณสมบัติเด่น ครบเครื่องเรื่องรสชาติ หวาน มัน หอม เนื้อเนียนนุ่ม ทุเรียนเมืองนนท์จึงเป็นที่โจษจันมายาวนาน จากรุ่นโน้นสู่รุ่นนี้คงไม่ใช่แค่การกินสดๆ แบบที่เคยลิ้มลอง ยุคสมัยเปลี่ยนจึงมีคนนำทุเรียนเมืองนนท์ไปครีเอต ทำเป็นอะไรได้อีกร้อยแปด

เช่น พาสทรีเชฟไฟแรง “เดชา ม่วงสีทอง” โรงแรมริชมอนด์ (ถนนรัตนาธิเบศร์ อ.เมือง จ.นนทบุรี โทร. 02-831-8888) ก็ดัดแปลงทุเรียนมาอยู่ในเบเกอรีหลากชนิด อาทิ “มูสทุเรียน” “ชีสเค้กทุเรียน” “ช็อกโกแลตโรลไส้ทุเรียน” รวมทั้งยังมี “ซูชิทุเรียน” ที่ทำจากทุเรียนโดยเลียนแบบซูชิ หรือข้าวปั้นที่ปกติใช้ปลาดิบเป็นพระเอก แต่เชฟกลับแทนด้วยทุเรียนกวนสูตรพิเศษ วางบนข้าวเหนียวมูน เสิร์ฟเป็นคำๆ ให้รสหวานมันและกรุ่นกลิ่นหอมของทุเรียนทั่วปาก


“พันธุ์ที่ใช้ก็คือ ชะนี เอาแบบสุกงอมเลย แต่ไม่ถึงขั้นเละนะ เพราะมันอาจจะขมได้ ผมต้องเอามากวนก่อน กวนกับกะทิ น้ำตาลปี๊บ เกลือ น้ำเปล่า ทุเรียนนี่ยิ่งกวนก็ยิ่งหอม ถ้าคนแพ้ทุเรียนทนไม่ไหวหรอกครับ” เชฟเดชาบอก “ซูชินี่เป็นครั้งแรกที่ผมลองทำ ตามคอนเซปต์ที่ตั้งไว้ว่าอยากได้ซูชิทุเรียน ซึ่งเมนหลักก็ต้องใช้ทุเรียนเป็นส่วนผสม แล้วทุเรียนก็ต้องสุก ไม่สุกไม่อร่อย อย่างถ้าห่ามกลิ่นและรสชาติมันก็ไม่ได้ความเป็นทุเรียนจริงๆ”


อีกรายที่นำของดีเมืองนนท์มาดัดแปลงเป็นเมนูอร่อยล้ำ “วัฒนา จันทร์หอมกุล” เจ้าของร้านขนมไทย “แม่พยอม” แห่งเกาะเกร็ด (หมู่ 1 อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โทร. 08-6069-3507) โดยเธอใช้ทุเรียนพันธุ์กระดุม สุกกำลังดี ไม่งอมมาก แต่หวานมันจับใจมากวนกับถั่วเขียว เพื่อให้ได้ไส้ลูกชุบสีสวยจัดจ้าน

“เคยทำกินที่บ้านก็จะเป็นข้าวเหนียวแดงทุเรียน ก็เอาทุเรียนมากวนกับข้าวเหนียวแดง หอมหวานอร่อยมากๆ ค่ะ หลังๆ ก็ไม่ค่อยได้ทำละ งานนี้ไฮไลต์จะอยู่ที่ลูกชุบที่ไม่ใช่ไส้ถั่วอย่างเดียว แต่เป็นลูกชุบไส้ทุเรียน ซึ่งถือเป็นความแปลกใหม่ของขนมไทย ตอนแรกพี่ใช้ทุเรียนกวนล้วนๆ มาทำ ปรากฏว่ามันชุบไม่ติด เพราะทุเรียนกวนมีความมันแยะ ก็เลยลองผสมกับถั่วเขียว พอเอามาชุบก็ชุบติด แล้วมันยังไม่หวานเกินไปด้วย”

นอกจากนี้ เจ้าของร้านขนมไทยเจ้าดังยังปิ๊งไอเดียทำ “วุ้นลูกชุบไส้ทุเรียน” มากำนัลแฟนๆ เพิ่มตัวเลือกความอร่อยให้แก่ขนมไทย และบางทีเธออาจมีเซอร์ไพรส์เมนูเด็ดประจำบ้าน “ข้าวเหนียวแดงทุเรียน” ที่เคยทำกินกันในหมู่สมาชิกครอบครัว เป็นสูตรลับที่เธอลองผิดลองถูก โดยใช้ทุเรียนกวนกับข้าวเหนียวแดง กวนจนเหนียวและแห้งงวด พร้อมเสิร์ฟเป็นของหวานหน้าตาบ้านๆ แต่รสชาติห้าดาว


จากของหวานๆ มาถึงของคาว ใครว่าทุเรียนทำของคาวไม่ได้ ขอให้คิดใหม่ เห็นมากับตา ชิมมากับลิ้น ลองแล้วจะติดใจ ไม่ว่าจะเป็น “น้ำพริกทุเรียน” น้ำพริกกะปิที่คุ้นเคย เพิ่มทุเรียนสุก หั่นเป็นชิ้นบางๆ ใส่เข้าไปในถ้วยน้ำพริก แกล้มด้วยสารพัดผัก ได้ความเผ็ดเปรี้ยวเค็มของกะปิและส่วนผสม ขณะที่ความหวานหอมต้องลิ้มรสที่ชิ้นทุเรียน กินกับข้าวร้อนๆ อร่อยเหนือคำบรรยาย

“แกงส้มไข่ชะอมทุเรียน” โอ้ลั่นล้า ไม่อยากจะเชื่อ จานนี้กินง่ายสะดวกใจอย่างไม่เคอะเขิน ที่สำคัญใส่ทุเรียนในชะอมไข่แล้วเจียวไม่ใช่เรื่องประหลาด คอนเฟิร์มว่า อร่อยๆๆ หรือจะเป็น “แกงเผ็ดฟักทองไก่ทุเรียน” ใช้ทุเรียนห่ามรวมกับเครื่องเคราอื่นๆ ก็เข้ากันดี รสชาติแกงเผ็ดเป็นยังไงก็ยังงั้นเลย “ห่อหมกทุเรียน” ก็ได้รสทุเรียนเพิ่มความอร่อย

สำหรับสูตรอาหารคาว คนคิดสูตรคือ“ลำยอง กลิ่นนาค” เจ้าของร้านข้าวแกงแม่ลำยอง (โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า อ.เมือง จ.นนทบุรี โทร. 08-0294-3579) ประสบการณ์โชกโชนในการทำข้าวแกงช่วยให้เธอคิดดัดแปลงนำทุเรียนมาทำอาหารได้ไม่ยากนัก

“พี่ก็เห็นมันมานานนะ แต่ก็ไม่เคยคิดจะเอาไปทำกับข้าว พอมีคนบอกให้ลอง ความที่พี่ทำกับข้าวขายอยู่แล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องพิสดารอะไร พอลองทำดูมันก็สามารถจะแทรกในอาหารไทยได้อีกตั้งเยอะ ซึ่งก่อนหน้านี้พี่เคยลองทำขาย ส่วนใหญ่ก็รับได้”

ทุเรียนกับอาหารคาวน่ะไปกันได้ ทว่ากว่าจะลงตัวเรื่องรสชาติ ก็มีเคล็ด (ไม่) ลับนิดหนึ่ง แม่ครัวหัวป่ารายนี้บอกการเลือกทุเรียนสำคัญ สุกมากก็อาจไม่เหมาะกับเมนูคาว ต้องสุกกำลังดี ใส่ในน้ำพริกจะอร่อย แต่ถ้าเป็นทุเรียนห่ามเหมาะกับแกงส้ม จะได้ไม่หวานมากไงล่ะครับ...


ที่มา: http://bit.ly/ltyM74
06 พฤษภาคม 2554 เวลา 08:32 น.

ชีวิตห่างไกลริดสีดวง


ชีวิตห่างไกลริดสีดวง


ปัจจุบันนี้โรคภัยไข้เจ็บเกิดขึ้นง่ายๆ หากไม่รู้จักดูแลตัวเองให้ดี โดยเฉพาะโรคที่มาจากเรื่องอาหารการกิน เช่น โรคริดสีดวงทวาร...
เรื่อง.....อณุศรา ทองอุไร


ปัจจุบันนี้โรคภัยไข้เจ็บเกิดขึ้นง่ายๆ หากไม่รู้จักดูแลตัวเองให้ดี โดยเฉพาะโรคที่มาจากเรื่องอาหารการกิน เช่น โรคริดสีดวงทวาร ที่หากรับประทานหนักแต่เนื้อสัตว์ แป้ง และไขมัน แต่บริโภคผักและผลไม้สดน้อย ก็อาจจะส่งผลให้เกิดอาการท้องผูก ถ่ายยาก จนส่งผลให้เป็นโรคดังกล่าวได้

นพ.ณรงค์ จรัสวิโรจน์ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ประจำโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ มาให้ความรู้ในเรื่องนี้ คุณหมอกล่าวว่า เพราะโรคนี้เป็นกันมากขึ้นในเด็กวัยรุ่น ที่พบอายุน้อยสุดในวัยเพียง 13 ปี และในวัย 40 ปี เริ่มเป็นมากขึ้นในกลุ่มหญิง-ชาย ถ้าอายุ 40 ปีขึ้นไปควรไปตรวจลำไส้ใหญ่ตอนปลายเพื่อตรวจหาริดสีดวงทวาร หรือมะเร็งลำไส้ หรือมะเร็งทวารหนัก ป้องกันไว้ดีกว่าแก้

สาเหตุของโรค

โรคริดสีดวงทวารหนัก เป็นโรคที่มีสิ่งผิดปกติยื่นออกมาจากร่างกาย ส่วนที่ยื่นออกมานั้นมีลักษณะเป็นติ่งเนื้อ และตำแหน่งที่เกิดคือบริเวณทวารหนักที่เป็นทางขับถ่าย ติ่งเนื้อที่ผิดปกตินี้เกิดจากการบวมและอักเสบของหลอดเลือดดำที่ผนังลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ซึ่งอาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายจุด หากเกิดกับเส้นเลือดดำที่ใต้ผิวหนังบริเวณปากทวารหนักอาจจะมองเห็นได้จาก ภายนอกเรียกว่า “ริดสีดวงภายนอก” แต่ถ้าเกิดกับเส้นเลือดดำที่อยู่ลึกเข้าไปด้านในของลำไส้ใหญ่ส่วนปลายเรียกว่า “ริดสีดวงภายใน”


สาเหตุของริดสีดวงส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมในการขับถ่ายอุจจาระที่ต้องเบ่งถ่ายอุจจาระบ่อยๆ และนานๆ ซึ่งเกิดจากอาการท้องผูก การชอบอ่านหนังสือในขณะขับถ่าย การยืนหรือนั่งท่าใดท่าหนึ่งติดต่อกันนานๆ การกลั้นอุจจาระ เป็นต้น

การเบ่งถ่ายอุจจาระนานๆ ทำให้แรงดันในช่วงท้องเพิ่มขึ้น หลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักจึงเกิดการยืด โป่งพองขึ้นเป็นติ่งเนื้อ ความหนาของผนังเส้นเลือดดำจะน้อยลง เมื่อเกิดการเสียดสีกับอุจจาระที่หยาบและแข็งจะทำให้หลอดเลือดดำเกิดปริแตกหรือฉีกขาดได้ จึงเห็นเป็นเลือดสดๆ ออกมาจากทวารหนัก นอกจากนี้การร่วมเพศทางทวารหนัก ท้องผูกเรื้อรัง อาการท้องเสียเรื้อรัง ชอบใช้ยาระบายหรือยาสวนทวารอย่างพร่ำเพรื่อ ก็เป็นส่วนที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวารหนักได้

อาการของโรค

คือเวลาถ่ายอุจจาระจะเจ็บปวดรอบทวารหนัก มีก้อนเนื้อยื่นออกมาจากทวารหนัก รอบทวารหนักจะเปียกแฉะและคัน หลังการถ่ายอุจจาระจะมีเลือดสดๆ ออกมาทางทวารหนัก หากคลำดูบริเวณรอบๆ ทวารหนักจะรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อนูนหรือเป็นติ่งยื่นออกมา

ระยะของโรค

1.ระยะเริ่มแรกที่ติ่งเนื้อยังอยู่ภายในทวารหนักจะไม่ค่อยเจ็บ แต่อาจจะมีเลือดออกเป็นบางครั้งเมื่อเบ่งถ่าย
2.ระยะที่ติ่งเนื้อเริ่มโผล่ออกมาขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ และจะหดตัวกลับเข้าไปภายในทวารหนักได้เอง
3.ระยะที่ติ่งเนื้อโผล่ออกมาขณะเบ่งถ่าย แต่ไม่สามารถหดกลับเข้าไปได้เอง ต้องใช้มือดันกลับเข้าไปในทวารหนัก
4.ระยะที่ติ่งเนื้อยื่นออกมาและใหญ่จนไม่สามารถกลับเข้าไปเองได้ ถึงแม้จะใช้มือช่วยดันแล้วก็ตาม

การรักษา

โรคริดสีดวงทวารหนัก ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรค ริดสีดวงในระยะที่ 1 หากมีการดูแลรักษาปฏิบัติตามคำแนะนำอาการเจ็บปวดและเลือดออกก็จะทุเลาและหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ถ้าเป็นริดสีดวงระยะที่ 2 และ 3 จะใช้วิธีรักษาโดยการปฏิบัติตามคำแนะนำควบคู่ไปกับการใช้ยา สำหรับริดสีดวงในระยะที่ 4 (รุนแรง) มีเลือดไหลอยู่เรื่อยๆ ต้องรักษาโดยการผ่าตัด

การรักษาโดยการใช้ยา ยาเหน็บทางทวารหนักเป็นยาใช้ภายนอก ประกอบด้วย ยาบรรเทาอาการปวด (ยาชา) ยาช่วยให้หลอดเลือดหดตัว ยาปฏิชีวนะและยาลดการอักเสบ ยาโรคริดสีดวงมีทั้งชนิดขี้ผึ้งและชนิดแท่ง ใช้เหน็บวันละครั้ง

การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันและรักษาโรค

1.เลือกกินอาหารที่มีเส้นใยสูงเช่น ธัญพืช ผัก-ผลไม้ต่างๆ เพื่อช่วยให้ถ่ายอุจจาระได้ง่ายขึ้น
2.ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8 แก้วเป็นอย่างน้อยทุกวัน
3.อย่าปล่อยให้เกิดอาการท้องผูก การเบ่งอุจจาระจะเป็นการเพิ่มอาการริดสีดวงให้มากขึ้น
4.อย่าฝืนเบ่งอุจจาระโดยที่ไม่รู้สึกปวดถ่าย
5.อย่าทำให้เกิดการระคายเคืองต่ออาการริดสีดวงโดยการถูรอบๆ ทวารหนักอย่างรุนแรง
6.การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ถ่ายอุจจาระได้ง่ายขึ้น
7.นั่งแช่ในน้ำอุ่น 10-15 นาที เพื่อลดอาการปวดริดสีดวงและการอักเสบ หากปวดมากให้กินยาแก้ปวด-อักเสบ
8.ใช้ยาเหน็บวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอนจะช่วยให้อาการริดสีดวงดีขึ้น
9.กินยาช่วยลดอาการคั่งของเลือด
10.ถ้าอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ ให้ปรึกษาแพทย์


ที่มา: http://bit.ly/kiPi7R
10 พฤษภาคม 2554 เวลา 13:16 น.