วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558

มังคุดนึ่ง ช่วยรักษามะเร็งปอด โรคถุงลมโป่งพอง ฆ่าเชื้อเอดส์


มังคุดนึ่ง ช่วยรักษามะเร็งปอด โรคถุงลมโป่งพอง ฆ่าเชื้อเอดส์

มังคุดนึ่ง ช่วยรักษามะเร็งปอด โรคถุงลมโป่งพอง ขจัดเสมหะในผู้เป็นโรคภูมิแพ้ สารสกัด “แซนโทน” จากเปลือกมังคุดรักษาเซลล์มะเร็ง ฆ่าเชื้อเอดส์ คุณสมบัติและประโยชน์ของมังคุด เมื่อนำไปนึ่งหรือต้มจะเท่ากับ BIM100 สูตรนี้นักเคมีอาหาร อาจารย์ สุวัฒน์ ทรัพยะประภา เป็นผู้วิจัยและให้นำไปรักษาคนเป็นมะเร็งปอด โรคถุงลมโป่งพอง ช่วยขจัดเสมหะในคนที่เป็นภูิแพ้ได้ดี ทำให้เสมหะน้อยลง

วิธีทำ นำมังคุดไปนึ่ง 20 นาที หากไม่มีหม้อนึ่งใช้ต้มก็ได้ ทั้งนี้อาจารย์บอกว่านึ่งจะดีกว่า สารแซนโทนจากเปลือกมังคุด จะซึมเข้าไปในเนื้อมังคุดทำให้มีสรรพคุณทางยามากขึ้น เก็บไว้ในตู้เย็น นำมากินวันละผล กินเหมือนกินมังคุดตามปรกติ เพื่อป้องกันหรือรักษาโรคดังกล่าวข้างต้น อาจารย์ให้กินแค่วันละ 1 ผลเท่านั้น อย่ากินมากกว่านี้ เพราะมีคุณสมบัติเป็นยา เมื่อหายแล้วให้เลิกกิน BIM100 คือ Balancing Immunity หมายถึงการปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้อยู่ในสภาวะปกติ เมื่อ BIM100 แล้วก็สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้โดยคำนึงถึงคุณภาพชีิวิตที่ดีขึ้น ผู้ที่จะ BIM100 ได้มีทั้งคนปกติที่ต้องการดูแลบำรุงรักษาสุขภาพ และผู้ป่วยเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง ภูมิแพ้ ริดสีดวง เบาหวาน รูมาตอย ข้อเข่าอักเสบ แพ้ภูมิตัวเอง สะเก็ดเงิน ธาลัสซิเมีย เป็นต้น

***** ***** สารสกัด “แซนโทน” จากเปลือกมังคุดรักษาเซลล์มะเร็ง ฆ่าเชื้อเอดส์ จุฬาฯ เปิดผลวิจัยพบ “สารแซนโทน” จากเปลือกมังคุดช่วยต้านอนุมูลอิสระ การอักเสบ สมานแผล รักษาเซลล์มะเร็ง ฆ่าเชื้อวัณโรคชนิดดื้อยา ฆ่าไวรัสเอชไอวี โรคผิวหนังอักเสบและสิว พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ผ้าก๊อซ ช่วยผู้ป่วยแผลไฟไหม้และติดเชื้อเคสแรกที่ รพ.นพรัตน์ วันที่ 16 มิถุนายน 2557 ที่อาคารจามจุรี 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.ดร.พิชญ์ ศุภผล อาจารย์วิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงข่าวเรื่อง “ผลิตภัณฑ์รักษาแผล ป้องกันเชื้อโรค ด้วยสารสกัดจากเปลือกมังคุด นวัตกรรมจากนักวิจัยจุฬาฯ” ว่า สารแซนโทน (Xanthone) มีสรรพคุณทางการแพทย์คือ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และสามารถสมานแผลรักษาเซลล์มะเร็ง และฆ่าเชื้อก่อโรคทางเดินระบบหายใจร้ายแรงได้ เช่น เชื้อวัณโรคชนิดดื้อยา เชื้อก่อโรคผิวหนังอักเสบและสิว และมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อไวรัส เช่น HIV H5N1 เป็นต้น ซึ่งจากการวิจัยพบว่าเปลือกด้านในของมังคุด เมื่อนำมาผ่านกรรมวิธีพิเศษทางเคมีจะสกัดได้สารแซนโทนในปริมาณสูง โดยจะอยู่ในรูปแบบผง ซึ่งเก็บได้นานประมาณ 2 - 3 ปี ศ.ดร.พิชญ์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะนำสารดังกล่าวมาปรับปรุงด้วยกระบวนการทางเคมี เพื่อให้มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อก่อโรคร้ายแรงที่เพิ่มขึ้น และทำการตรึงโมเลกุลของสารแซนโทนให้ติดบนผิววัสดุการแพทย์หลายชนิด เช่น หน้ากากอนามัย แผ่นก๊อซซับแผล พลาสเตอร์ยา น้ำยาทาแผล และแผ่นปิดสิว เป็นต้น ทั้งนี้ จุฬาฯ ได้ทำผลิตภัณฑ์จากเปลือกมังคุด ซึ่งผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่า สามารถใช้ได้จริงและมีวางจำหน่ายแล้วประมาณ 6 - 7 กลุ่ม รวมถึงพัฒนาทำเป็นแผ่นก๊อซปิดแผล สำหรับแผลที่มีขนาดค่อนข้างกว้างและใหญ่ ซึ่งนำไปใช้เป็นเคสแรกแล้วที่ รพ.นพรัตนราชธานี “สำหรับผู้ป่วยรายนี้มาด้วยอาการแผลไฟไหม้ และมีการเชื้อดื้อยาต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 3 เดือน ไม่สามารถกลับบ้านได้ แต่ภายหลังใช้แผ่นก๊อซสกัดจากเปลือกมังคุด 12 วัน ก็สามารถกลับบ้านได้ นับว่านอกจากมีประสิทธิภาพในการป้องกันและฆ่าเชื้อไวรัส รวมถึงยับยั้งการติดเชื้อต่างๆ ได้แล้ว ผลิตภัณฑ์จากเปลือกมังคุดยังมีราคาถูกและไม่เกิดอาการแพ้ เนื่องจากมีการทดลองในผิวหนังของกระต่าย ที่สำคัญทุกกระบวนการทั้งการวิจัย ผลิต และพัฒนา เป็นฝีมือของคนไทย” ศ.ดร.พิชญ์ กล่าว

เรียบเรียงจาก ข้อมูล อาจารย์ สุวัฒน์ ทรัพยะประภา นักวิจัยเท้าเปล่า มหาวิทยาลัยมหิดล โครงการนักวิจัยอาสา ตู้ปณ. 106 ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 10160 / คุณภาพชีวิต manager.co.th /
ขอขอบคุณภาพจาก plus.google.com ชีวอโรคยา อยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีไม่พึ่งสารเคมี ไม่ต้องรอให้ป่วยไปเสียค่ารักษาพยาบาลแพงๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Facebook ชีวอโรคยา .... ดูต่อได้ที่ :http://forum.khonkaenlink.info/index.php?topic=17316844.0

สูตรยาสมุนไพรทะลวงหลอดเลือด



สูตรยาสมุนไพรทะลวงหลอดเลือ

สูตรลับสุดยอด ให้คนที่คุณรักลองดู
ทะลวงหลอดเลือดด้วยภูมิปัญญาโบราณ เพียง 2 นาที เป็นของขวัญอันล้ำค่าแก่พ่อแม่และเพื่อนๆ ของคุณทะลวงหลอดเลือดด้วยภูมิปัญญาโบราณ

ชายชาวลอนดอนคนหนึ่งได้เล่าประสบการณ์ส่วนตัว เมื่อเขาไปประชุมที่ปากีสถาน เกิดมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างเฉียบพลัน แพทย์ตรวจพบว่าเส้นเลือดหัวใจของเขา 3 เส้นอุดตันอย่างรุนแรง จำเป็นต้องผ่าตัดทำบายพาส

กำหนดการผ่าตัดคืออีก 1 เดือน ในช่วงระหว่างนั้นเขาไปพบหมอบำบัดมุสลิมโบราณ

หมอบำบัดให้เขาทำยาทานเองที่บ้าน เมื่อทานครบ 1 เดือน ก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลเดียวกันก่อนผ่าตัด พบว่าเส้นเลือดทั้ง 3 เส้นใสสะอาด ที่เคยอุดตันก็ถูกทะลวงออกหมด

เพื่อช่วยให้คนอื่นได้รับประโยชน์ เขาได้บอกเล่าประสบการณ์ของตัวเองบนอินเทอร์เน็ต รวมทั้งโชว์ภาพถ่ายเส้นเลือดของเขาก่อนและหลัง เพื่อให้แสดงความแตกต่างก่อนและหลังทานยา

วัตถุดิบที่ใช้
1 น้ำมะนาว 1 ถ้วย
1 น้ำขิง 1 ถ้วย
1 น้ำคั้นกระเทียม 1 ถ้วย
1 น้ำส้มสายชูแอปเปิล 1 ถ้วย

วิธีเตรียม
1.ลอกเปลือกกระเทียมและขิง หั่นขิงเป็นชิ้นบางๆ นำทั้งสองอย่างใส่เครื่องปั่นเครื่องคั้นน้ำผลไม้ ปั่นละเอียดแล้วเทลงบนผ้ากรอง เพื่อบีบน้ำคั้นออกมา
2.นำน้ำคั้นกระเทียมและขิงลงไปในหม้อ เติมน้ำมะนาวและน้ำส้มสายชูแอปเปิลลงไป ต้มจนเดือด แล้วค่อยๆเคี่ยวไปโดยไม่ต้องปิดฝาหม้อ เพื่อให้น้ำระเหยออก ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก็จะได้ยาที่เคี่ยวแล้วประมาณครึ่งหนึ่งของปริมาณเริ่มต้น
3. ตั้งทิ้งไว้จนอุณหภูมิลดลง ก็ให้เติมน้ำผึ้งลงไปผสมเพื่อให้ทานได้ง่าย (ใส่มากเท่าที่รสชาดพอจะทานได้)
4.ใส่น้ำสมุนไพรนี้ในขวดแก้ว แช่ในตู้เย็นเก็บไว้

วิธีรับประทาน : ทาน 1 ช้อนโต๊ะก่อนอาหารเช้าทุกวัน สามารถขจัดโรคหัวใจและหลอดเลือดให้หายขาดได้ คนทั่วไปยังสามารถใช้เป็นเครื่องดื่มในชีวิตประจำวัน เพื่อป้องกันโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง รวมทั้งป้องกันโรคหวัดและโรคภัยอื่นๆ ได้อีกด้วย
เมื่อทานได้ 1 เดือน ให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล คุณจะพบหลอดเลือดสะอาด เส้นที่มีการอุดกั้นถูกทะลวงไปแล้ว

อ.มาศแนะนำว่า สูตรลับนี้จะต้องบันทึกเก็บไว้นะครับ...! และต้องเผยแพร่ส่งต่อให้คนที่ท่านรักและปรารถนาดี!

อ้างอิง
http://benjamwu.pixnet.net/blog/post/56009901

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kogkugkingkow&group=3&month=04-2014&date=17

via นานาสาระเพื่อสุขภาพที่ดี on FB

ไชเท้า รักษาโรคภูมิแพ้ อาการไอ และ หวัด





ไชเท้า รักษาโรคภูมิแพ้ อาการไอ และ หวัด

หัวไช้เท้า (บ้างก็เรียกว่า หัวไชเท้า) หรือหัวผักกาดขาว เป็นพืชตระกูลผักกาด เป็นพืชผักที่อุดมด้วยคุณค่าทางอาหารสูง หัวไช้เท้ามีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน และได้มีการแพร่หลายไปยังประเทศต่าง ๆ ตามการอพยพย้ายถิ่นของชาวจีน ในตำรับอาหารไทยหัวไช้เท้ามักจะถูกนำมาปรุงเป็นน้ำซุป แกงจืด แกงส้ม ทอด เป็นต้น หัวไช้เท้านอกจากจะอร่อยแล้วยังหาซื้อรับประทานได้ง่าย มีให้รับประทานกันตลอดทั้งปี

สารอาหารสำคัญในหัวไช้เท้า

ในหัวไช้เท้ามีวิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินซี ไนอะซิน วิตามินบี 9 โฟเลต แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ทองแดง แมกนีเซียม นอกจากนี้ยังประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร และโปรตีน ตามตำรับยาจีนนำหัวไช้เท้าช่วยขจัดสารพิษ ล้างพิษในร่างกาย ช่วยละลายเสมหะจากปอด เจ็บคอ แก้ไข้หวัด ส่วนตำรับยาไทยนิยมนำรากหัวรักษาโรคไข้หวัด ช่วยละลายเสมหะ รักษาอาการท้องอืด กระหายน้ำ บรรเทาอาการเจ็บคอ และทำให้ช่วยเจริญอาหาร

เนื่องจากหัวไช้เท้าอุดมด้วยวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายและช่วยร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรค ดังนั้นหัวไช้เท้าจึงได้ถูกนำมาปรุงเป็นยารักษาไข้หวัดได้ผลดี และหัวไช้เท้ายังมีเอนไซม์ เช่น อะมัยเลส (Amylase) เอสเทอร์เรส (Esterase) ไดแอสเทส (Diastase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่สามารถกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ช่วยในกระบวนการย่อยอาหารโดยเฉพาะแป้งและไขมัน นอกจากนี้หัวไช้เท้ายังสามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและบำรุงผิวพรรณอีกด้วย

การปรุง

วัตถุดิบ: หัวไชเท้าหนึ่งหัวและน้ำผึ้ง 500 กรัม

อุปกรณ์: ขวดแก้ว

วิธีทำ:

1 . ปอกเปลือกของหัวไชเท้าออก แล้วหั่น

2 . เอาหัวไชเท้าที่หั่นแล้วใส่ลงไปในขวด เทน้ำผึ้งลงไป ปิดฝาแล้วคว่ำขวดลง

3 . หมักไว้สามวันก็สามารถเอามาทำเป็นเครื่องดื่มได้แล้ว

วิธีการดื่ม: เอาหัวไชเท้าที่แช่น้ำผึ้งผสมกับน้ำเปล่าทำเป็นเครื่องดื่มแล้วคุณก็สามารถดื่มทุกวันได้ ความหวานแล้วแต่คุณชอบ หัวไชเท้าสามารถเอามากินได้ และไม่ต้องแช่เย็น

ข้อระวัง : หลังจากปอกเปลือกแล้วห้ามล้างน้ำ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.kaijeaw.com/

August 1 ·